- ต้องมีก้างขวางคอไว้บ้างPosted 19 hours ago
- ส.ว.ต้องสร้างผลงานเชิดชูองค์กรPosted 2 days ago
- รอความจริงเปิดเผยPosted 5 days ago
- ไม่ประมาท โอกาสรอดมีเยอะPosted 6 days ago
- ล้างบางพระทาสยานรกPosted 7 days ago
- ยิ่งดิ้น ยิ่งจมPosted 1 week ago
- ไม่มีอะไรแน่นอนPosted 1 week ago
- ต้องเรียนวิชาป้องกันตัวเองPosted 2 weeks ago
- ยิ่งเรียน ยิ่งโง่ ยิ่งโต ยิ่งเซ่อPosted 2 weeks ago
- สื่อต้องเสนอข่าวสร้างสรรค์Posted 2 weeks ago
‘สึก’ไม่ง่าย?
![](https://www.lokwannee.com/web2013/wp-content/uploads/2017/03/4534-onlin.jpg)
คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
สถานการณ์วัดพระธรรมกายที่ฝ่ายรัฐตั้งใจเร่งเครื่องให้เรื่องจบภายในสองสามวันนี้ยังไม่มีใครรับรองได้ว่าจะจบจริงหรือไม่
ล่าสุดมีการปะทะกันอีกเล็กน้อยระหว่างเจ้าหน้าที่กับพระและลูกศิษย์ที่ทางเข้าประตู 4 ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บไปเล็กน้อย
นี่อาจเป็นการแค่การชิมลาง เพราะของจริงคงต้องรอหลังการประชุมระหว่างสำนักงานพระพุทธศาสนาแหงชาติ (พศ.) มหาเถรสมาคม (มส.) และตัวแทนรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ (10 มี.ค.) ซึ่งรัฐบาล และ พศ. น่าจะลอยตัว โดยโยนเผือกร้อนใส่มือ มส. ในฐานะที่เป็นผู้ปกครองสงฆ์ให้ดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับพระธัมมชโย
ขณะนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้รวบรวมข้อกล่าวหาของพระธัมมชโยที่มีทั้งหมดกว่า 300 คดี ส่งไปให้ที่ประชุมใช้พิจารณาประกอบการตัดสินใจแล้ว โดยยืนยันว่าผลการสอบสวนพบหลักฐานมีมูลเพียงพอให้น่าเชื่อว่า พระธัมมชโยกระทำความผิดจริง และอัยการก็มีความเห็นสั่งฟ้องคดีแล้ว แต่พระธัมมชโยหลบเลี่ยงไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แม้เจ้าหน้าที่มีหมายค้นและหมายจับ แต่พระธัมมชโยยังบ่ายเบี่ยงไม่ยอมมอบตัว ล่าสุด พระธัมมชโยยังฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ที่เรียกให้เข้ารายงานตัวถึง 2 ครั้ง ซึ่งดีเอสไอจะนำชี้ต่อ พศ. ว่าการกระทำความผิดในข้อหารับของโจรต้องอาบัติปาราชิก จึงขอยื่นเรื่องให้ พศ. ส่งต่อไปยัง มส. เพื่อพิจารณาตามพระธรรมวินัย
อย่างไรก็ตาม การประชุมในวัน 10 มี.ค. อาจไม่มีข้อสรุปแบบฟันธงออกมาทันที อาจต้องดึงเวลาออกไปอีกเล็กน้อย เพื่อให้ดูว่าพิจารณาอย่างรอบคอบและให้ความเป็นธรรมแล้ว
แต่สุดท้ายปลายทางก็คงไม่พ้นมีคำสั่งให้ต้องอาบัติปาราชิก
ที่ต้องใช้วิธีให้ต้องอาบัติปาราชิก เพราะมส.ไม่มีอำนาจจับสึกได้ เพราะการกล่าววาจาเพื่อลาสมณเพศต้องเป็นการประสงค์สึกเอง
อย่างไรก็ตาม การจะให้พระธัมมชโยต้องอาบัติปาราชิก ก็ยังมีปัญหาที่ต้องพิจารณาอีกคือ การต้องอาบัติขั้นสูงสุดของพระสงฆ์ ซึ่งทำให้ขาดจากการเป็นพระในทันทีนั้นมีข้อกำหนดอยู่ 4 ข้อ คือ
1.เสพเมถุน หมายถึง การร่วมสังวาสกับคนหรือสัตว์
2.ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้มาเป็นของตน หมายถึง การขโมยทรัพย์สินของผู้อื่นในราคา 5 มาสกขึ้นไป (5 มาสก = 1 บาท)
3.การพรากกายมนุษย์จากชีวิต หมายถึง การฆ่ามนุษย์ให้ตาย
4.การกล่าวอวดอุตริมนุสธรรม หมายถึง การอวดอ้างคุณวิเศษที่ไม่มีในตน เช่น อ้างว่าตนเองเป็นพระอรหันต์ (ทั้งที่ไม่ได้เป็น) การอวดอ้างว่าไปเข้าเฝ้าพระอินทร์หรือเทวดา การอวดอ้างว่าตนเองเหาะเหินเดินอากาศได้ เป็นต้น
กรณีของพระธัมมชโยที่ถูกประเคนให้กว่า 300 คดี ต้องดูว่าเข้าข้อไหนที่ให้ต้องอาบัติปาราชิกได้บ้าง ซึ่งข้อที่ดูจะตีความเข้าได้มากที่สุดคือข้อ 2
แต่กรณีที่พระธัมมชโยไม่ได้ไปเอาเงินของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นมาโดยตรง แต่มีคนนำมาถวายให้ก็ต้องไปพิจารณากันอีกว่าจะใช้ข้อ 2 นี้ให้ต้องอาบัติปาราชิกได้หรือไม่ และยังมีข้อกำหนดที่ชัดเจนอีกว่าให้ดูที่เจตนาเป็นหลัก ว่าจิตคิดจะขโมยหรือไม่ ซึ่งพระวินัยก็ได้มีข้อยกเว้นไว้ให้จะไม่ถือเป็นปาราชิกถ้าพระนั้น เข้าใจผิดคิดว่าเป็นของตน ไปหยิบเอามาใช้ด้วยคุ้นเคย (วิสาสะ) กับเจ้าของเป็นการขอยืม ฯลฯ
การจะให้พระธัมมชโยพ้นสละจากสมณเพศ หากพิจารณากันอย่างตรงไปตรงมาก็คงไม่ง่าย
แต่ถ้าธงชี้ไปทางนั้นว่าเป็นเป้าหมายเพื่อให้เรื่องจบอย่างที่ประกาศไว้ก็ไม่แน่ เพราะ Thailand Only อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ
You must be logged in to post a comment Login