- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 2 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 2 months ago
- โลกธรรมPosted 2 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 2 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 2 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 2 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 2 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 2 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 2 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 2 months ago
‘สึก’ไม่ง่าย?

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
สถานการณ์วัดพระธรรมกายที่ฝ่ายรัฐตั้งใจเร่งเครื่องให้เรื่องจบภายในสองสามวันนี้ยังไม่มีใครรับรองได้ว่าจะจบจริงหรือไม่
ล่าสุดมีการปะทะกันอีกเล็กน้อยระหว่างเจ้าหน้าที่กับพระและลูกศิษย์ที่ทางเข้าประตู 4 ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บไปเล็กน้อย
นี่อาจเป็นการแค่การชิมลาง เพราะของจริงคงต้องรอหลังการประชุมระหว่างสำนักงานพระพุทธศาสนาแหงชาติ (พศ.) มหาเถรสมาคม (มส.) และตัวแทนรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ (10 มี.ค.) ซึ่งรัฐบาล และ พศ. น่าจะลอยตัว โดยโยนเผือกร้อนใส่มือ มส. ในฐานะที่เป็นผู้ปกครองสงฆ์ให้ดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับพระธัมมชโย
ขณะนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้รวบรวมข้อกล่าวหาของพระธัมมชโยที่มีทั้งหมดกว่า 300 คดี ส่งไปให้ที่ประชุมใช้พิจารณาประกอบการตัดสินใจแล้ว โดยยืนยันว่าผลการสอบสวนพบหลักฐานมีมูลเพียงพอให้น่าเชื่อว่า พระธัมมชโยกระทำความผิดจริง และอัยการก็มีความเห็นสั่งฟ้องคดีแล้ว แต่พระธัมมชโยหลบเลี่ยงไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แม้เจ้าหน้าที่มีหมายค้นและหมายจับ แต่พระธัมมชโยยังบ่ายเบี่ยงไม่ยอมมอบตัว ล่าสุด พระธัมมชโยยังฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ที่เรียกให้เข้ารายงานตัวถึง 2 ครั้ง ซึ่งดีเอสไอจะนำชี้ต่อ พศ. ว่าการกระทำความผิดในข้อหารับของโจรต้องอาบัติปาราชิก จึงขอยื่นเรื่องให้ พศ. ส่งต่อไปยัง มส. เพื่อพิจารณาตามพระธรรมวินัย
อย่างไรก็ตาม การประชุมในวัน 10 มี.ค. อาจไม่มีข้อสรุปแบบฟันธงออกมาทันที อาจต้องดึงเวลาออกไปอีกเล็กน้อย เพื่อให้ดูว่าพิจารณาอย่างรอบคอบและให้ความเป็นธรรมแล้ว
แต่สุดท้ายปลายทางก็คงไม่พ้นมีคำสั่งให้ต้องอาบัติปาราชิก
ที่ต้องใช้วิธีให้ต้องอาบัติปาราชิก เพราะมส.ไม่มีอำนาจจับสึกได้ เพราะการกล่าววาจาเพื่อลาสมณเพศต้องเป็นการประสงค์สึกเอง
อย่างไรก็ตาม การจะให้พระธัมมชโยต้องอาบัติปาราชิก ก็ยังมีปัญหาที่ต้องพิจารณาอีกคือ การต้องอาบัติขั้นสูงสุดของพระสงฆ์ ซึ่งทำให้ขาดจากการเป็นพระในทันทีนั้นมีข้อกำหนดอยู่ 4 ข้อ คือ
1.เสพเมถุน หมายถึง การร่วมสังวาสกับคนหรือสัตว์
2.ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้มาเป็นของตน หมายถึง การขโมยทรัพย์สินของผู้อื่นในราคา 5 มาสกขึ้นไป (5 มาสก = 1 บาท)
3.การพรากกายมนุษย์จากชีวิต หมายถึง การฆ่ามนุษย์ให้ตาย
4.การกล่าวอวดอุตริมนุสธรรม หมายถึง การอวดอ้างคุณวิเศษที่ไม่มีในตน เช่น อ้างว่าตนเองเป็นพระอรหันต์ (ทั้งที่ไม่ได้เป็น) การอวดอ้างว่าไปเข้าเฝ้าพระอินทร์หรือเทวดา การอวดอ้างว่าตนเองเหาะเหินเดินอากาศได้ เป็นต้น
กรณีของพระธัมมชโยที่ถูกประเคนให้กว่า 300 คดี ต้องดูว่าเข้าข้อไหนที่ให้ต้องอาบัติปาราชิกได้บ้าง ซึ่งข้อที่ดูจะตีความเข้าได้มากที่สุดคือข้อ 2
แต่กรณีที่พระธัมมชโยไม่ได้ไปเอาเงินของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นมาโดยตรง แต่มีคนนำมาถวายให้ก็ต้องไปพิจารณากันอีกว่าจะใช้ข้อ 2 นี้ให้ต้องอาบัติปาราชิกได้หรือไม่ และยังมีข้อกำหนดที่ชัดเจนอีกว่าให้ดูที่เจตนาเป็นหลัก ว่าจิตคิดจะขโมยหรือไม่ ซึ่งพระวินัยก็ได้มีข้อยกเว้นไว้ให้จะไม่ถือเป็นปาราชิกถ้าพระนั้น เข้าใจผิดคิดว่าเป็นของตน ไปหยิบเอามาใช้ด้วยคุ้นเคย (วิสาสะ) กับเจ้าของเป็นการขอยืม ฯลฯ
การจะให้พระธัมมชโยพ้นสละจากสมณเพศ หากพิจารณากันอย่างตรงไปตรงมาก็คงไม่ง่าย
แต่ถ้าธงชี้ไปทางนั้นว่าเป็นเป้าหมายเพื่อให้เรื่องจบอย่างที่ประกาศไว้ก็ไม่แน่ เพราะ Thailand Only อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ
You must be logged in to post a comment Login