- ต้องมีก้างขวางคอไว้บ้างPosted 19 hours ago
- ส.ว.ต้องสร้างผลงานเชิดชูองค์กรPosted 2 days ago
- รอความจริงเปิดเผยPosted 5 days ago
- ไม่ประมาท โอกาสรอดมีเยอะPosted 6 days ago
- ล้างบางพระทาสยานรกPosted 7 days ago
- ยิ่งดิ้น ยิ่งจมPosted 1 week ago
- ไม่มีอะไรแน่นอนPosted 1 week ago
- ต้องเรียนวิชาป้องกันตัวเองPosted 2 weeks ago
- ยิ่งเรียน ยิ่งโง่ ยิ่งโต ยิ่งเซ่อPosted 2 weeks ago
- สื่อต้องเสนอข่าวสร้างสรรค์Posted 2 weeks ago
ถูกบีบหน้าเขียว
![](https://www.lokwannee.com/web2013/wp-content/uploads/2017/03/4537-ONLINE.jpg)
คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
กรณีเรียกเก็บภาษีขายหุ้นชินคอร์ปของดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี 16,000 ล้านบาท ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆว่ากรมสรรพากรเจ้าของเรื่องที่ก่อนหน้านี้ยืนยันมาตลอดว่าไม่สามารถเรียกเก็บได้แล้ว โดยมีเหตุผลอธิบายชัดเจนว่าทำไมจึงไม่สามารถเรียกเก็บได้
แต่ดูเหมือนเหตุผลของกรมสรรพากรจะถูกหักล้างจากหลายฝ่ายและยืนยันว่าจะต้องเรียกเก็บเงินส่วนนี้
ช่องทางที่จะนำมาใช้เรียกเก็บภาษีคือประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 820 และ 821
มาตรา 820 บัญญัติเอาไว้ว่า
“ตัวการย่อมมีความผูกพันต่อบุคคลภายนอกในกิจการทั้งหลายอันตัวแทนหรือตัวแทนช่วงได้ทำไปภายในขอบอำนาจแห่งฐานตัวแทน”
มาตรา 821 บัญญัติไว้ว่า
“บุคคลผู้ใดเชิดบุคคลอีกคนหนึ่งออกแสดงเป็นตัวแทนของตนก็ดี รู้แล้วยอมให้บุคคลอีกคนหนึ่งเชิดตัวเขาเองออกแสดงเป็นตัวแทนของตนก็ดี ท่านว่าบุคคลผู้นั้นจะต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกผู้สุจริตเสมือนว่าบุคคลอีกคนหนึ่งนั้นเป็นตัวแทนของตน”
ช่องทางนี้กรมสรรพากรสามารถทำหนังสือแจ้งการประเมินต่อดร.ทักษิณ โดยไม่ต้องออกหมายเรียกอีก เพราะก่อนหน้านี้กรมสรรพากรได้เคยออกหมายเรียกนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ไปแล้ว เมื่อทั้ง 2 คนเป็นตัวแทนของดร.ทักษิณ จึงย่อมมีผลผูกพัน จึงถือเป็นการออกหมายเรียกและตรวจสอบการเสียภาษีของดร.ทักษิณ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยตัวการและตัวแทน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ทั้งสองมาตราข้างต้น
ช่องทางนี้เป็นการหารือกันระหว่างมือกฎหมายรัฐบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้มีหน้าที่ตรวจสอบอย่างสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)
เมื่อผู้มีอำนาจมั่นใจว่าเป็นช่องทางที่ดำเนินการได้และต้องดำเนินการจึงมีคำยืนยันจาก นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ที่ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ โดยย้ำว่าสตง.ยืนยันกรณีนี้สามารถดำเนินการได้ตามมาตรา 61 ของประมวลรัษฎากร ไม่จำเป็นต้องยึดตามมาตรา 19 ที่ต้องมีการแจ้งเตือนไปก่อน ซึ่งอายุความการเรียกเก็บภาษีจะหมดลงในระยะเวลา 10 ปี คือวันที่ 31 มีนาคมนี้ แต่ทางกรมสรรพากรมีความกังวลว่าหากดำเนินการตามมาตราดังกล่าวเกรงว่าจะถูกดร.ทักษิณ ฟ้องกลับตามมาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
“สตง.ก็ได้แจ้งกรมสรรพากรว่า หากกรมสรรพากรไม่ดำเนินการเรียกภาษีจากดร.ทักษิณ สตง.ก็จะส่งหนังสือไปที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) เพื่อดำเนินการตามกฎหมายกับสรรพากรในมาตรา 157 เช่นเดียวกัน เพราะที่ผ่านมา สตง.ได้แจ้งเตือนแล้วว่าสามารถดำเนินการตาม มาตรา 61 ได้”
น่าเห็นใจกรมสรรพากรจะเรียกเก็บภาษีก็กลัวโดนฟ้องฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จะไม่เรียกเก็บก็โดนขู่ว่าจะมีความผิดตามมาตรา 157 เช่นเดียวกัน
ท้ายที่สุดเชื่อว่ากรมสรรพากรจะเลือกเพลย์เซฟทำตามความประสงค์ของรัฐบาลและสตง. ถึงจะโดนดร.ทักษิณ ฟ้องกลับแต่การปฏิบัติตามคำสั่งอย่างน้อยก็ทำให้มั่นใจได้ว่ายังมีโอกาสชนะคดีมากกว่าแพ้
แต่หากฝืนความต้องการ “คุก” สถานเดียว
You must be logged in to post a comment Login