- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 2 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 2 months ago
- โลกธรรมPosted 2 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 2 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 2 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 2 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 2 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 2 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 2 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 2 months ago
อีก450,000ล้าน

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
เรื่องเรียกเก็บภาษีขายหุ้นชินคอร์ปจาก ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังจากชัดเจนแล้วว่าจะเรียกเก็บแน่ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะใช้ข้อกฎหมายใดในการเรียกจัดเก็บ
มาวันนี้มีความชัดเจนขึ้นอีกขั้นว่าจะเป็นการดำเนินการตามแนวทางที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เสนอ คือใช้อำนาจตามประมวลรัษฎากรมาตรา 61 ทำการประเมินภาษีที่ต้องจ่ายและแจ้งให้ดร.ทักษิณจ่าย
การดำเนินการตามแนวทางนี้จะทำให้อายุความของคดี 10 ปี ที่จะหมดลงในวันที่ 31 มีนาคมนี้ ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่นับแต่วันที่แจ้งใบประเมินจ่ายภาษีให้ดร.ทักษิณจ่าย
อายุความจะถูกนับใหม่เป็นเวลา 10 ปี แต่ยังไม่แน่ชัดว่าหากดร.ทักษิณ ไม่จ่าย แนวทางดำเนินการขั้นต่อไปเพื่อให้ได้ทรัพย์มาชำระหนี้ภาษีนั้นจะใช้แนวทางใด
ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือหลังจากแจ้งประเมินภาษีใหม่แล้วจะมีการไล่เบี้ยเอาผิดเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรที่เกี่ยวข้องที่ถูกมองว่าละเลยการทำหน้าที่ไม่เรียกเก็บภาษีในส่วนนี้นับแต่ศาลมีคำพิพากษาคดีเมื่อปี 2555
งานนี้คงมีคนถูกลงโทษอีกหลายคน และโทษที่ได้รับอาจถึงติดคุกติดตะราง แต่ยังโชคดีอยู่หน่อยตรงที่เมื่อแจ้งประเมินภาษีและอายุความของคดีเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ก็ทำให้เจ้าหน้าที่เหล่านั้นมั่นใจได้ประการหนึ่งว่าไม่ต้องถูกคำสั่งทางปกครองให้จ่ายเงินภาษีแทนดร.ทักษิณ
ในส่วนของดร.ทักษิณนั้น นอกจากจะถูกเรียกเก็บภษีจากการขายหุ้นชินคอร์ปแน่นอนแล้ว ยังต้องลุ้นว่าจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่ต้องจ่ายให้รัฐอีกหรือไม่ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ถูกยึดทรัพย์ไปแล้ว 46,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาเสนอให้รัฐบาลใช้อำนาจดำเนินการเรียกเงินจากดร.ทักษิณ ที่ระบุว่าใช้อำนาจในช่วงเป็นนายกรัฐมนตรีสร้างความเสียหายให้ประเทศรวมแล้วน่าจะเรียกเงินจากอดีตนายกฯได้มากกว่า 450,000 ล้านบาท
อดีตส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ยกตัวอย่างเรื่องที่จะสามารถเรียกค่าเสียหายจากดร.ทักษิณได้ เช่น กรณีดร.ทักษิณ สั่งแก้สัญญาสัมปทานคลื่นโทรศัพท์เคลื่อนที่ รวม 5 ครั้งให้บริษัท เอไอเอส จำกัด มูลค่าความเสียหาย 88,000 ล้านบาท
กรณีการออก พ.ร.ก.สรรพสามิต ซึ่งกรณีนี้ศาลพิพากษาว่าเป็นคำสั่งที่มิชอบ ทำให้รัฐเสียหายกว่า 36,000 ล้านบาท รวมยอด 120,000 ล้านบาทที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาแล้ว
กรณีการทุจริตโครงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิที่อนุญาตให้บริษัทเอกชนเช่าพื้นที่และต้องแบ่งรายได้ 15% จากยอดขายสินค้าและบริการ โดยไม่มีการเชื่อมต่อระบบบันทึกการขายและตัดยอดสินค้าในคลังทันที (พีโอเอส) ก่อให้รัฐเสียหายประมาณ 40,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีกรณีอื่นๆอีกที่สามารถเรียกค่าเสียหายได้
ทั้งนี้ อดีตส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการบริหารประเทศในช่วงที่ดร.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นความเสียหายที่ชัดเจนที่ศาลได้มีการตัดสินไว้แล้วกล่าวคือเป็นการขยายความจากคำพิพากษาของศาล
นี่ไม่ใช่ข้อเสนอลอยๆ หรือออกมาพูดเล่นๆ เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ในยุคสมัยนี้
ต้องดูว่าผู้มีอำนาจจะบ้าจี้ใช้อภินิหารกฎหมายเรียกเงินจากดร.ทักษิณเพิ่มเติมตามข้อเสนอของอดีตส.ส.ผู้นี้หรือไม่
You must be logged in to post a comment Login