- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 2 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 2 months ago
- โลกธรรมPosted 2 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 2 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 2 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 2 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 2 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 2 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 2 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 2 months ago
300ล้านบุรีรัมย์

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
ท่ามกลางอุณหภูมิที่ร้อนระอุ และการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เข้มข้นในหลายประเด็น กลับมีข่าวหนึ่งทะลุกลางปล้องขึ้นมาอย่างน่าสนใจ
ข่าวที่ว่าคือข่าวที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เสนอให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโมโตจีพี โดยมีการกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ
สนามที่จะใช้จัดการแข่งขันคือ สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ที่มีอดีตนักการเมืองชื่อ นายเนวิน ชิดชอบ เป็นโต้โผใหญ่
น่าสนใจตรงที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน 3 ปี ใช้งบประมาณจัดการแข่งขันปีละ 100 ล้านบาท 3 ปีก็ 300 ล้านบาท ส่วนงบประมาณอื่นนอกเหนือจากนั้นจะขอการสนับสนุนจากภาคเอกชน
งบประมาณจากภาษีประชาชนเอาไปจัดการแข่งขันโมโต จีพี สูงถึงปีละ100 ล้านบาท
จุดประสงค์ในการขอเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันก็คือใช้กีฬาสร้างชื่อเสียงให้ประเทศ ใช้กีฬาดึดดูดนักท่องเที่ยว และมีการคาดการณ์กันว่าในช่วงที่มีการแข่งขันจะทำให้เศรษฐกิจท้องถิ่นคึกคัก เพราะจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปชมการแข่งขันจำนวนมาก
เรียกว่ามองมุมไหนก็คุ้มค่า
แต่ช้าก่อน…ก่อนที่ไทยจะเสนอตัวชิงสิทธิ์การเป็นเจ้าภาพนั้น การแข่งขันโมโต จีพีในแต่ละ 1 ฤดูกาลแข่งขันจะมี 20 สนาม ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีประเทศที่ได้รับสิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันครบทั้ง 20 สนาม
การที่ไทยจะได้สิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันย่อมหมายความว่าต้องมีประเทศหนึ่งประเทศใดสละสิทธิ์ในการเป็นเจ้าภาพ ซึ่งตามข่าวระบุว่าประเทศที่ถอนตัวจากการเป็นเจ้าภาพคือประเทศเพื่อนบ้านเราอย่าง มาเลเซีย และสิงคโปร์
คำถามคือหากการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลกให้ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชื่อเสียงประเทศหรือเงินทองที่จะเข้าไปในพื้นที่จริง ทำไมชาติที่เคยเป็นเจ้าภาพอยู่แล้วจึงยอมปล่อยมือไม่รักษาสิทธิ์ รักษาผลประโยชน์ของชาติตัวเองไว้
นี่ยังไม่รวมคำถามที่น่าสนใจว่าทำไมต้องเป็นสนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ที่มีนายเนวินเป็นโต้โผใหญ่
คำตอบอาจจะออกมาในทำนองที่ว่าก็ในประเทศไทยมีสนามเดียวที่ได้มาตรฐานใช้จัดการแข่งขันได้
แต่ก็น่าสนใจว่าหากกรณีเป็นการอนุมัติงบประมาณจากรัฐบาลจากการเลือกตั้งที่มีนักการเมืองเป็นผู้นำประเทศจะสามารถทำได้หรือไม่ โดยเฉพาะการอนุมัติงบประมาณใช้จัดการแข่งขันในสนามของนักการเมืองที่อยู่ในฝ่ายเดียวกับตัวเอง
การเป็นเจ้าภาพจัดกีฬาระดับโลกเพื่อใช้ประชาสัมพันธ์ประเทศและสร้างเศรษฐกิจนั้นมีบทเรียนมาแล้วหลายกรณีนี้ เช่น การจัดการแข่งขันเทนนิสพัทยาโอเพ่น ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อประชาสัมพันธ์ให้คนรู้จักและมาท่องเที่ยวพัทยา รายการนี้เอกชนเป็นคนจัดมายาวนาน 24 ปี และต้องคืนสิทธิ์เป็นเจ้าภาพไปเพราะขาดทุนต่อเนื่องมาตลอด 24 ปี
หรือการเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขัน เทนนิส เอทีพี เวิลด์ ทัวร์ ที่บริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด ลงทุนควักกระเป๋าจัดแข่งขันมา 11 ปี ซึ่งก็มีเป้าหมายเดียวกันคือประชาสัมพันธ์ประเทศดึงนักท่องเที่ยว แต่ทนขาดทุนทุกปีไม่ไว้จึงต้องคืนสิทธิ์การเป็นเจ้าภาพไป
ทั้งสองกรณีเป็นเรื่องของเอกชน แต่กรณีการแข่งขันโมโตจีพี ที่รัฐใช้ภาษีประชาชนไปอุดหนุนปีละ 100 ล้านบาท เป็นเวลา 3 ปี หากเป็นการลงทุนไม่คุ้มค่า เสียเปล่า
คำถามคือใครจะรับผิดชอบกับภาษีประชาชนที่ถูกละลายทิ้งไปในครั้งนี้ และไม่รู้ว่าสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ขยันตรวจสอบความคุ้มค่าในการใช้จ่ายประมาณภาครัฐจะสนใจเข้ามาตรวจสอบการใช้งบประมาณก้อนนี้หรือไม่
You must be logged in to post a comment Login