- อย่าไปอินPosted 14 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 1 day ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 2 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 4 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
ญี่ปุ่นลงนามค้าเสรีอียูปลายปี
นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น นำคณะเยือนยุโรป 3 ประเทศ ได้แก่ เยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี รวมทั้งสำนักงานใหญ่สหภาพยุโรป (อียู) ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม โดยใช้เวลา 4 วัน ระหว่าง 19-22 มีนาคม ที่ผ่านมา
วาระสำคัญในการเยือนยุโรปครั้งนี้ คือ การเดินทางไปย้ำเจตนาว่า ญี่ปุ่นพร้อมหาแนวทางให้ได้ข้อสรุปการทำข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับอียูโดยเร็ว
การเดินทางค่อนข้างใช้เวลารวบรัด โดยผู้นำญี่ปุ่นและคณะ “แวะเยือน” แต่ละจุดเป้าหมายเพียงวันเดียว
แต่ผลที่ตามมา ถือว่ามีคุณค่ามากกว่าเวลาที่เยือน เนื่องจากช่วยให้คู่เจรจามีความเชื่อมั่นในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น
“คู่เจรจา” หมายถึงอียูในภาพรวม ซึ่งมีทั้งหมด 28 ประเทศ ส่วน “ความเชื่อมั่น” มาจากถ้อยแถลงของผู้นำญี่ปุ่น ที่ให้ความสำคัญกับเอฟทีเออย่างจริงจัง
อียูกับญี่ปุ่น “ตั้งโต๊ะ” เจรจาเอฟทีเอรอบแรกเมื่อ 4 ปีที่แล้ว (เริ่มปลายเดือนมีนาคม ปี 2013) จากนั้นก็นัดถกกันเรื่อยมา รวมทั้งหมด 17 รอบ แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ในหลายประเด็น ทำให้แผนเอฟทีเอยืดเยื้อมาถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม การตระเวนเยือนยุโรปครั้งนี้ของผู้นำญี่ปุ่น ได้สร้างความมั่นใจให้หน่วยงานญี่ปุ่นที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาว่า จะสามารถบรรลุข้อตกลงกับอียูได้ภายในสิ้นปีนี้
ญี่ปุ่นเป็นประเทศคู่ค้าอียูในเอเชีย ใหญ่อันดับ 2 รองจากจีน โดยปีที่แล้ว อียูนำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่น รวมมูลค่า 66,400 ล้านยูโร ขณะส่งออกสินค้าไปญี่ปุ่น รวมมูลค่า 58,100 ล้านยูโร ทำให้อียูเสียเปรียบดุลการค้าญี่ปุ่น 8,300 ล้านยูโร
ทั้ง 2 ฝ่าย คาดว่า หากมีเอฟทีเอระหว่างกัน มูลค่าการค้าจะเข้าสู่มิติใหม่
นอกจากการค้าการลงทุนแล้ว ญี่ปุ่นยังมีความสำคัญต่ออียู ในบทบาทเป็น “พี่เลี้ยง” ช่วยเหลืออียูเจรจาเอฟทีเอกับประเทศเอเชียอื่นๆ ด้วย
อียูมีนโยบายเจาะตลาดการค้าการลงทุนในเอเชียมานาน แต่เท่าที่ผ่านมา ถือว่ายังไม่ประสบความสำเร็จมากนัก
เนื่องจากสามารถทำเอฟทีเอกับชาติเอเชียได้เพียง 3 ประเทศ คือเกาหลีใต้ สิงคโปร์ และเวียดนาม และอยู่ระหว่างการเจรจาอีก 4 ประเทศ คือญี่ปุ่น ไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
หากการเจรจากับญี่ปุ่นบรรลุผลปลายปีนี้ตามที่ตั้งเป้าไว้ ถือว่าอียูประสบความสำเร็จครั้งสำคัญ ทำให้ความหวังอีกอย่างของอียูที่พ่วงมากับเอฟทีเอ มีโอกาสเป็นไปได้สูง
ความหวังดังกล่าว คือการก้าวเป็นพี่ใหญ่ของเอเชียแทนสหรัฐ ในด้านความร่วมมือทางการค้าการลงทุน
You must be logged in to post a comment Login