วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ญี่ปุ่นลงนามค้าเสรีอียูปลายปี

On March 22, 2017

นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น นำคณะเยือนยุโรป 3 ประเทศ ได้แก่ เยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี รวมทั้งสำนักงานใหญ่สหภาพยุโรป (อียู) ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม โดยใช้เวลา 4 วัน ระหว่าง 19-22 มีนาคม ที่ผ่านมา

วาระสำคัญในการเยือนยุโรปครั้งนี้ คือ การเดินทางไปย้ำเจตนาว่า ญี่ปุ่นพร้อมหาแนวทางให้ได้ข้อสรุปการทำข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับอียูโดยเร็ว

การเดินทางค่อนข้างใช้เวลารวบรัด โดยผู้นำญี่ปุ่นและคณะ “แวะเยือน” แต่ละจุดเป้าหมายเพียงวันเดียว

แต่ผลที่ตามมา ถือว่ามีคุณค่ามากกว่าเวลาที่เยือน เนื่องจากช่วยให้คู่เจรจามีความเชื่อมั่นในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น

“คู่เจรจา” หมายถึงอียูในภาพรวม ซึ่งมีทั้งหมด 28 ประเทศ ส่วน “ความเชื่อมั่น” มาจากถ้อยแถลงของผู้นำญี่ปุ่น ที่ให้ความสำคัญกับเอฟทีเออย่างจริงจัง

อียูกับญี่ปุ่น “ตั้งโต๊ะ” เจรจาเอฟทีเอรอบแรกเมื่อ 4 ปีที่แล้ว (เริ่มปลายเดือนมีนาคม ปี 2013) จากนั้นก็นัดถกกันเรื่อยมา รวมทั้งหมด 17 รอบ แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ในหลายประเด็น ทำให้แผนเอฟทีเอยืดเยื้อมาถึงปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม การตระเวนเยือนยุโรปครั้งนี้ของผู้นำญี่ปุ่น ได้สร้างความมั่นใจให้หน่วยงานญี่ปุ่นที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาว่า จะสามารถบรรลุข้อตกลงกับอียูได้ภายในสิ้นปีนี้

ญี่ปุ่นเป็นประเทศคู่ค้าอียูในเอเชีย ใหญ่อันดับ 2 รองจากจีน โดยปีที่แล้ว อียูนำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่น รวมมูลค่า 66,400 ล้านยูโร ขณะส่งออกสินค้าไปญี่ปุ่น รวมมูลค่า 58,100 ล้านยูโร ทำให้อียูเสียเปรียบดุลการค้าญี่ปุ่น 8,300 ล้านยูโร

ทั้ง 2 ฝ่าย คาดว่า หากมีเอฟทีเอระหว่างกัน มูลค่าการค้าจะเข้าสู่มิติใหม่

นอกจากการค้าการลงทุนแล้ว ญี่ปุ่นยังมีความสำคัญต่ออียู ในบทบาทเป็น “พี่เลี้ยง” ช่วยเหลืออียูเจรจาเอฟทีเอกับประเทศเอเชียอื่นๆ ด้วย

อียูมีนโยบายเจาะตลาดการค้าการลงทุนในเอเชียมานาน แต่เท่าที่ผ่านมา ถือว่ายังไม่ประสบความสำเร็จมากนัก

เนื่องจากสามารถทำเอฟทีเอกับชาติเอเชียได้เพียง 3  ประเทศ คือเกาหลีใต้ สิงคโปร์ และเวียดนาม และอยู่ระหว่างการเจรจาอีก 4 ประเทศ คือญี่ปุ่น ไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์

หากการเจรจากับญี่ปุ่นบรรลุผลปลายปีนี้ตามที่ตั้งเป้าไว้ ถือว่าอียูประสบความสำเร็จครั้งสำคัญ ทำให้ความหวังอีกอย่างของอียูที่พ่วงมากับเอฟทีเอ มีโอกาสเป็นไปได้สูง

ความหวังดังกล่าว คือการก้าวเป็นพี่ใหญ่ของเอเชียแทนสหรัฐ ในด้านความร่วมมือทางการค้าการลงทุน


You must be logged in to post a comment Login