วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ระยะที่ 3 ต้องเตียนโล่ง! / โดย ประชาธิปไตย เจริญสุข

On April 3, 2017

คอลัมน์ : ฟังจากปาก
ผู้เขียน : ประชาธิปไตย เจริญสุข

การยึดอำนาจครั้งนี้มีการวางแผนอย่างรอบคอบและลึกซึ้งมากกว่า 2 ครั้งหลังที่ผ่านมา คือปี 2534 และปี 2549 หรือย้อนไปก่อนหน้านั้น เพื่อจะให้การรัฐประหารนำไปสู่ความสำเร็จหลัก พูดภาษาชาวบ้านคือ ไม่ให้เสียของ ภาษาทางการคือเป็นการกำจัดอิทธิพลที่เขาเรียกว่า “ทุนสามานย์” หรือสิ่งไม่ดีในความคิดของเขา กวาดให้หมดโดยสิ้นเชิง ไม่ได้หมายถึงการเมืองอย่างเดียว แต่อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เขาเชื่อว่าเป็นความมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งในวงการสงฆ์ ความขัดแย้งในทางการเมืองการปกครอง ความขัดแย้งในเรื่องความเชื่อหรือความแตกต่างที่อยู่ในขอบเขตที่เขาคิดว่าต้องจัดการให้หมด

คสช. ไม่ใช่ยึดอำนาจให้สำเร็จแล้วเขียนรัฐธรรมนูญใหม่และมีการเลือกตั้ง แต่เขามองว่าผู้ทำรัฐประหารไม่ได้เป็นผู้บริหารเองทั้ง 2 ครั้ง คือรอบแรกเป็นคุณอานันท์ ปันยารชุน มารอบหลังแม้เป็นคุณสุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่พวกเขามีความเชื่อมั่น แต่คุณสุรยุทธ์อาจกังวลสถานการณ์สากลและยุคสมัยจึงรีบคืนอำนาจอย่างรวดเร็วหลังร่างรัฐธรรมนูญเสร็จ

เขาได้รับบทเรียนจากการทำรัฐประหารปี 2534 กับปี 2549 มาแล้ว จึงเขียนบทใหม่ในลักษณะที่ผู้ทำรัฐประหารควบคุมสถานการณ์ให้ได้ตามที่คิดไว้ เราจึงเห็นเรื่องราวมากมาย ในมุมของผู้ทำรัฐประหารก็คิดว่าเขาประสบความสำเร็จตามขั้นตอน แม้แต่การเขียนรัฐธรรมนูญที่มีการเพิ่มบทเฉพาะกาลเพื่อจะให้เชื่อมั่นว่าเอาอยู่ในสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นปัญหาต่อความมั่นคง

ความมั่นคงในทรรศนะของประชาชนหมายถึงความสุข ความสงบ การมีสิทธิเสรีภาพและมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ แต่ความมั่นคงของผู้ปกครองที่มีการวางแผนเป็นขั้นตอน ขณะนี้พูดง่ายๆว่ามาครึ่งทางแล้ว และกำลังจะก้าวต่อไปในช่วงเฟส 2 ยังไม่ขึ้นเฟส 3 คือเฟส 1 ควบคุมสถานการณ์ให้เกิดความสงบ เฟส 2 คือรัฐธรรมนูญ เฟส 3 สำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นการปรองดองหรือเช็กบิลปัญหาต่างๆให้หมดสิ้นไป

สกัดกั้นกลุ่มทุนแบบทักษิณ

เมื่อมีคำถามว่าต้องมีการเลือกตั้งครั้งหน้าก็จะกลับมาสู่โจทย์เก่า เพราะฉะนั้นเพื่อไม่ให้กลับสู่โจทย์เก่า ลำพังที่จัดการไปเมื่อปี 2549 และ 2550 ก็ไม่เพียงพอ ถ้าในเฟสที่ 3 ไม่เสร็จสิ้น ไม่ทำให้เรียบร้อย ก็แปลว่าที่ทำมาทั้งหมดล้มเหลว เขามองวงจรของเขาคือ เมื่อมีการทำรัฐประหาร เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ มีการเลือกตั้ง เขาไม่ต้องการให้ทุนลักษณะทักษิณขึ้นมามีอำนาจ ไม่ให้เข้ามาเป็นรัฐบาล

การมองวงจรอุบาทว์หรือวงจรที่ไม่พึงประสงค์แตกต่างกัน ฝ่ายหนึ่งมองว่าการทำรัฐประหารไม่เป็นไร แต่อีกฝ่ายหนึ่งมองว่ารัฐประหารเป็นสัญลักษณ์ของการไม่มีเสถียรภาพ เขามองว่าการที่กลุ่มทุนสามานย์ขึ้นมาทำให้การเมืองไม่มีเสถียรภาพ เป็นลักษณะความคิดอนุรักษ์นิยม อำนาจนิยมยังดำรงอยู่ ดังนั้น อะไรก็ตามที่มีผลต่อผู้นำอนุรักษ์นิยม อำนาจนิยมเดิมทั้งหลายทั้งปวง รวมทั้งพรรคการเมืองอนุรักษ์นิยมด้วย จะต้องถูกจัดการให้หมดสิ้นไป คือเขาไม่ต้องการให้พรรคการเมืองที่มีเสถียรภาพแบบรัฐธรรมนูญปี 2540 กลับมามีอำนาจอีก

เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องให้ฝ่ายอนุรักษ์นิยมหรืออำนาจนิยมที่ไว้ใจเข้ามาควบคุมสถานการณ์ให้ได้ในอนาคต ดิฉันเห็นด้วยกับคุณธีรยุทธ บุญมี ที่มองว่าต่อไปต้องเป็นฝ่ายแม่น้ำ 5 สายที่มีแต่พวกจารีตนิยม เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนแปลง การปฏิรูปในอนาคตที่จะเกิดขึ้น ก็อยู่ในวังวนของกลุ่มอนุรักษ์นิยม จารีตนิยม
ทหารไม่ได้ต้องการให้ฝ่ายอำนาจนิยมอยู่ในอำนาจนานเกินไป ฝ่ายอนุรักษ์นิยมแบบธีรยุทธก็ออกมาชี้ว่า พวกอำนาจนิยมกับพวกจารีตที่ทำอยู่ขณะนี้น่าเป็นห่วง คือยังมีจุดยืนเหมือนกัน แต่กังวลว่ามากไปแล้วจะทำให้เกิดปัญหากับประเทศหรือเปล่า เราจึงเห็นสัญญาณความไม่สบายใจในฝ่ายอนุรักษ์นิยมด้วยกันเอง ตัวแทนคือธีรยุทธที่ออกมาพูด

ที่ว่าจารีตนิยม อำนาจนิยมจะมีบทบาทนั้น ถ้าเขาเชื่อมั่นในความสามารถของเขา เขาก็เดินหน้าไป สร้างความปรองดองแล้วให้กระบวนการยุติธรรมที่เป็นประโยชน์ต่อฝั่งเขาดำเนินต่อไป แต่เขาก็ยังคิดว่าไม่พอ เพราะฉะนั้นจึงต้องมีกระบวนการจัดการไม่ให้วงจรอำนาจเกิดขึ้นดังที่เห็นตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นกรณีธรรมกาย หรือการบุกพบอาวุธสงครามในบ้านโกตี๋ เราก็งงเหมือนกัน เพราะโกตี๋หายไปนาน ที่จริงโกตี๋ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับ นปช. เขายังด่าดิฉันเยอะแยะ กลุ่มพวกฮาร์ดคอร์ทั้งหลายเราไม่รู้ว่าเขามีการใช้อาวุธหรือไม่ แต่คำพูดนี้เขาไม่พอใจ นปช. สะท้อนว่าพวกเขาเป็นกลุ่มอิสระ เราต้องให้ความเป็นธรรมว่าเขาไปตั้ง 3 ปีแล้ว ทำไมคุณเพิ่งไปยึดอาวุธในบ้านเขา มีใครเอาไปไว้หรือเปล่า ตรงนี้สังคมกำลังตั้งข้อสงสัย ในทรรศนะของดิฉัน ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งในโรดแม็พ เช็กบิลบุคคลที่ไม่ใช่นายทุน ส่วนนายทุนก็มีวิธีการเช็กบิลเช่นกัน คือเส้นทางสู่อำนาจถูกบล็อกหมด

เช็กบิลแกนนำระดับตัวบุคคล

ถึงคุณไม่มีเงิน แต่อาจเป็นผู้นำการเคลื่อนไหว หรือมีอิทธิพลต่อคนจำนวนหนึ่ง ก็จะถูกเช็กบิลอีกแบบหนึ่ง เราจึงเห็นว่ากระบวนการต่างๆในการจับกุมคุมขังยังมากเหมือนเดิม ที่พูดว่าปรองดองก็คือสิ่งที่เขาต้องทำตามโรดแม็พ ในระยะที่ 3 พูดง่ายๆว่าเตียนโล่ง ทางข้างหน้าต้องไม่มีอุปสรรคอันใดในการไปสู่เป้าหมาย หมายความว่าฝ่ายอนุรักษ์นิยมยังสามารถครองอำนาจในประเทศไทยได้ยาวนาน โดยที่ฝ่ายการเมืองของกลุ่มทุนใหม่จะเข้ามาตกแต่งเป็นตัวแสดงประกอบได้ แต่ถ้าจะขึ้นมาเป็นผู้นำจริงๆคิดว่าเขาคงยอมไม่ได้อีก เพราะ 10 กว่าปีที่ผ่านมา เขาก็เหนื่อยแรงที่จะจัดการ ประหนึ่งว่าเป็นต้นใหม่โตเร็ว เพราะฉะนั้นการขุดรากถอนโคนก็ต้องออกแรงมากหน่อย ลำพังโค่นต้นมันก็ยังมีต้นใหม่งอก นี่เป็นทรรศนะของดิฉัน

ที่เป็นห่วงคือ พวกดิฉันเองก็ไม่รู้จะเป็นอย่างไร สงสัยว่าก่อนจะมีเลือกตั้ง แกนนำ นปช. จะถูกเรียกเข้าคุกเป็นแถวก็ได้ เพราะขณะนี้มีคดีอยู่เยอะแยะ ส่วนการปรองดองเป็นกระบวนการหนึ่งเพื่อไม่ให้เปิดศึกหลายด้าน

ทำไมกลุ่มจารีตยังกลัว “ผีทักษิณ”

ที่เขากำลังไล่เช็กบิล ดร.ทักษิณ ธรรมกาย ตลอดจนแกนนำต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นใหม่ รุ่นเก่า เด็กๆ พูดง่ายๆว่าอะไรที่เป็นก้อนกรวดก้อนทรายที่อาจทำให้มีปัญหาเขาไม่อยากให้มีทั้งนั้น ในทรรศนะของดิฉันคือ ความวิตกความมั่นคงของฝ่ายอนุรักษ์นิยมและอำนาจนิยมที่ไม่ได้คำนึงถึงว่าตัวเองก็มีความสามารถในการแข่งขัน พูดง่ายๆว่าไม่ต้องลงมาสู่การแข่งขันในเวทีประชาธิปไตยแบบปรกติ การดูถูกฝ่ายตัวเองว่าไม่มีความสามารถหรือไม่สามารถชนะใจประชาชน เพราะฉะนั้นเราเป็นส่วนหนึ่งที่เขาอาจจะจัดการเมื่อไรก็ได้ เราก็มองด้วยความกังวล เพราะเราพูดทุกอย่าง โดยเฉพาะผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน เวลาไปเสวนาก็บอกเขาว่า เราพูดในฐานะประชาชนนะ ไม่ได้พูดในฐานะต้องการเป็นผู้ปกครอง ไม่ได้พูดแทนบุคคลหรือคณะบุคคลใด เราไม่ได้เกี่ยวข้องกับชนชั้นนำ นำเสนอชุดความคิดต่างๆในนามประชาชนที่เฝ้าดู ประชาชนที่มีประสบการณ์ทางการเมืองเท่านั้นเอง

ทำไมไม่ปล่อยให้เหมือนต่างประเทศที่มีพรรคอนุรักษ์นิยม พรรคฝ่ายขวา ฝ่ายซ้ายก็สามารถกลับมาได้ทั้งนั้น ปัญหาเพราะเขาประเมินตัวเองต่ำมากไปหรืออย่างไร หรือแพ้บ่อยจนไม่มีความเชื่อมั่น หรือให้ความสำคัญกับ ดร.ทักษิณมากเกินไปหรือเปล่า ถ้า ดร.ทักษิณเก่งจริง พรรคไทยรักไทยคงไม่เกิดปัญหาแบบที่แล้วมา ยังไม่มีใครเห็นว่าใครจะเป็นซูเปอร์ฮีโร่หรอก จะทักษิณ อภิสิทธิ์ หรือใครก็ตาม ถ้าคุณมีพรรคการเมืองก็ลงมาแข่งตามกฎกติกา แล้วใช้ระบบตรวจสอบเขาให้หนัก ใครโกงก็จัดการเลย ที่เขายังกลัวผีทักษิณก็เพราะเขาตีโจทย์ไม่ออกคือ 1.เขายังเชื่อว่า ดร.ทักษิณมีเงิน เพราะฉะนั้นต้องทำให้ไม่มีเงิน อย่างรอบแรกจัดการไปแล้ว 40,000 กว่าล้านบาท แต่ ดร.ทักษิณก็ยังมีเงินอยู่ หรือมีวิธีหาเงิน ถ้าได้เป็นรัฐบาลจะเอาเงินคืนหรืออย่างไร หมายความว่า ดร.ทักษิณได้อำนาจเพราะเงิน

อันที่ 2 ดร.ทักษิณชนะใจประชาชนเพราะนโยบาย ดังนั้น นโยบายประชานิยมเขาก็พยายามจะจัดการ แต่เมื่อจัดการไม่ได้ก็ทำเสียเอง เพียงแต่เปลี่ยนชื่อ เอาคนที่เคยอยู่กับ ดร.ทักษิณมา ไม่ว่าจะเป็นคุณสมคิดหรือ ดร.สุวิทย์ซึ่งเคยเป็นมือของ ดร.ทักษิณในการทำงาน เพื่อให้ประชาชนเห็นว่าใครก็ทำนโยบายนี้ได้ ซึ่งอาจจะเป็นนอมินี เขาต้องการสั่งสอนว่าใครก็ตามที่มาแทน ดร.ทักษิณต้องโดนหมด ไม่ว่าจะเป็นคุณสมัคร สุนทรเวช หรือคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แม้กระทั่งคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ดังนั้น เพื่อเดินเฟสที่ 3 ให้จบ ไม่ให้ไม่มีใครกล้ามาเป็นหัวหน้าพรรค หรือเป็นรัฐมนตรี หรือเป็น ส.ส. เจอรัฐธรรมนูญฉบับนี้กับอำนาจองค์กรอิสระอีก คราวหน้าไม่รอดหรอก คือเช็กบิลตั้งแต่ก่อนจะมีการเลือกตั้ง ระหว่างเลือกตั้ง และหลังเลือกตั้ง ยังอำนาจบทเฉพาะกาลอีก คือเขายังมีอำนาจระหว่างและหลังเลือกตั้ง ไม่ว่ายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี จนนายกรัฐมนตรีคนนอก

คุณสุเทพหนุนให้ คสช. อยู่ต่อไป

ดิฉันว่าก็ชัดเจน คือเอาให้ราบคาบไปเลย เวลาผมสมัคร พวกผมเป็นพรรคการเมือง จะได้ไม่ต้องแข่งกับพวกนี้ พวกนี้ถูกจัดการเหี้ยนเกรียนไปหมด เพราะถ้าคืนแล้วกลัวว่าไม่ชนะ ดังนั้น ที่ คสช. ประกาศจะให้มีการเลือกตั้งตามโรดแม็พปลายปี 2560 ก็จะไม่เกิดขึ้น กลางปี 2561 ก็อาจไม่มีการเลือกตั้ง

คสช. เขาก็ยังอยู่ต่อไปทั้งในฐานะที่ได้อำนาจใหม่ ขึ้นอยู่กับว่าจะอยู่ต่อแบบไหน อยู่ต่อแบบเป็นผู้บริหารหรือนั่งหลังม่าน จึงประเมินว่ากลางปี 2561 อาจยังไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น จะมีการเลื่อนโรดแม็พออกไป เวลาเขาพูดถึงโรดแม็พตอนนี้ เขาไม่พูดมิติของเวลา พูดแต่มิติของภารกิจ ภารกิจยังไม่เสร็จก็เลื่อนโรดแม็พ เขาจะอ้างเหตุผลความจำเป็น พยายามบอกว่าเขาไม่อยากเป็นอะไรทำนองนี้ เขาจึงอาจอยู่ต่อถึง 5 ปีก็ได้ ส่วนหลังการเลือกตั้ง ดิฉันประเมินว่า พล.อ.ประยุทธ์จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก แม้ไม่เป็นก็ต้องมีบทบาทในฐานะประธานยุทธศาสตร์ เขาจะอยู่จนกระทั่งไม่อยากจะอยู่

มองอนาคตประเทศเป็นอย่างไร

ที่สำคัญคือ ฝ่ายอนุรักษ์นิยมจะได้เรียนรู้ เขามาอยู่ถึงจุดๆหนึ่ง เขาจะทนพวกเขากันเองได้มั้ย ต่อมาคือกระแสประชาชน ซึ่งโดยธรรมชาติที่ผ่านมาอยากให้สงบ กระแสเรียกร้องประชาธิปไตยก็จะสูงขึ้น กระแสต่อต้านจะสูงขึ้นทั้งภายในและภายนอกประเทศ

สุดท้ายที่สำคัญคือปัญหาเศรษฐกิจที่เลวลงอย่างมากเพราะการต่อต้านของต่างประเทศ เขาไม่ได้ยกกองกำลังมารบ แต่ไม่สนับสนุนและยกระดับขึ้น จะส่งผลถึงเศรษฐกิจและการเมืองในประเทศด้วย


You must be logged in to post a comment Login