วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ถึงคิว‘วิษณุ’

On April 4, 2017

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

สองสามสัปดาห์ก่อนมีข่าวใหญ่เรื่องที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน (สตง.) แทงเรื่องให้กรมสรรพากรตรวจสอบความถูกต้องการจ่ายภาษีของนักการเมืองหลายราย เพราะเห็นว่ารายการทรัพย์สินที่แจ้งตอนเข้ารับตำแหน่งและหลังพ้นจากตำแหน่งไม่สัมพันธ์กัน จึงอยากรู้ว่าได้ยื่นเสียภาษีถูกต้องครบถ้วนหรือไม่

นอกจากนี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็ทำหน้าที่ตรวจสอบการมีอยู่จริงของทรัพย์สินด้วยเพื่อดูว่าร่ำรวยผิดปรกติหรือไม่

เรื่องนี้เป็นประเด็นเพราะไม่มีใครต้องการถูกตรวจสอบอยู่ฝ่ายเดียวจึงมีเสียงเรียกร้องให้ตรวจสอบการเสียภาษีและทรัพย์สินของบรรดาอดีตบิ๊กข้าราชการหลายคนโดยเฉพาะบิ๊กๆในกองทัพที่เข้ามามีตำแหน่งทางการเมืองหลังแจ้งบัญชีทรัพย์สินพบว่ามีทรัพย์สินกันจำนวนมากเลยอยากให้ตรวจสอบว่าได้มาอย่างถูกต้องชอบธรรมเสียภาษีครบถ้วนหรือไม่

แต่เรื่องนี้ไม่ได้รับการขานรับจากผู้เกี่ยวข้อง ทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่ได้ยินเสียงเรียกร้องให้ตรวจสอบ

เมื่อเสียงเรียกร้องให้ตรวจสอบทรัพย์สินและความถูกต้องการเสียภาษีของบิ๊กๆในกองทัพที่กำลังเรืองอำนาจกันอยู่ในเวลานี้ ฝ่ายที่อยากให้ตรวจสอบเลยลดเพดานมาร้องขอให้ตรวจสอบผู้ที่นั่งร่วมอยู่ในคณะรัฐมนตรี

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย เข้ายื่นหนังสือที่ศูนย์บริการประชาชน ตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องให้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดบัญชีทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้น เนื่องจาก ตั้งข้อสงสัยว่าได้เสียภาษีให้รัฐครบถ้วนหรือไม่ หลังพบว่าการยื่นบัญชีทรัพย์สิน 4 ครั้ง ระหว่างปี 2548-2557 เมื่อเปรียบเทียบพบว่า ตลอดเวลา 9 ปี นายวิษณุ มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นกว่า 87.5 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดเมื่อ 4 ก.ย. 2557 นายวิษณุ และคู่สมรส ได้ยื่นแสดงว่ามีรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายรวม 1.2 ล้านบาท และ 1.8 ล้านบาท ตามลำดับ แต่เมื่อคำนวณทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อปี 9.7 ล้านบาท กับรายได้ที่ยื่นไว้ครั้งล่าสุด จะเห็นว่าไม่สัมพันธ์กัน จึงทำให้มีเหตุอันควรสงสัย และช่วงดังกล่าว เป็นช่วงที่นายวิษณุ มีค่าใช้จ่ายในการส่งบุตรชายเรียนต่อปริญญาโทและเอกที่ประเทศสหรัฐอเมริการวมอยู่ด้วย ดังนั้น จึงเรียกร้องให้นายวิษณุ เปิดเผยประวัติการเสียภาษีที่ผ่านมาตลอดเวลา 9 ปี และตัวเลขค่าใช้จ่ายในการส่งบุตรชายเรียนที่สหรัฐอเมริกาในการพิสูจน์ว่า ได้เสียภาษีครบถ้วนหรือไม่

ขณะที่ นายวิษณุ เครืองาม ชี้แจ้งว่าช่วงว่างเว้นจากการเมือง 9 ปี คือตั้งแต่ปี 2548 ใช้เวลาดังกล่าวไปทำธุรกิจ และมีหลักฐานพร้อมชี้แจงว่าเงินที่เพิ่มมา 87 ล้านบาทมาจากที่ใด ไม่ได้งอกมาในสมัยที่เป็นรองนายกรัฐมนตรี พร้อมยืนยันว่าได้เสียภาษีอย่างถูกต้องครบถ้วน ยกเว้นภาษีที่ดินที่ได้รับมาจากการให้ ซึ่งมีทั้งส่วนที่ต้องจ่ายภาษีและไม่มีภาระภาษี ซึ่งทรัพย์สินที่งอกมาส่วนใหญ่เป็นอสังหาริมทรัพย์

“เรื่องนี้จะเป็นเรื่องทางการเมืองหรือไม่ผมไม่ขอตอบ แต่เป็นเรื่องที่วิญญูชนย่อมรู้ได้ด้วยตนเอง เลยไม่ตื่นเต้นอะไร”

นั่นเป็นคำข้อกล่าวหาของนายเรืองไกร และคำชี้แจงของนายวิษณุ

แน่นอนว่าเรื่องนี้คงถูกมองไม่พ้นเรื่องทางการเมือง เพราะนายวิษณุเป็นผู้มีบทบาทอย่างโดดเด่นในการเรียกเก็บภาษีขายหุ้นชินคอร์ปจากอดีตนายกรัฐมนตรีดร.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นผู้มีบารมีในพรรคเพื่อไทยที่นายเรืองไกรสังกัดอยู่

ไม่ว่าเรื่องนี้จะถูกมองว่าเป็นการเมืองอย่างไร แต่เมื่อมีผู้เปิดประเด็นมา ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลายก็ควรตรวจสอบให้เกิดความกระจ่างชัดและแถลงต่อสาธารณชน

แน่นอนว่าเมื่อมีข้อมูลย่อมมีคนอยากรู้ว่านายวิษณุทำธุรกิจอะไรในช่วง 9 ปีที่ทำให้มีทรัพย์สินเพิ่มมาถึง 87 ล้านบาท เพราะภาพของนายวิษณุนั้นเป็นมือกฎหมายที่คร่ำวอด ไม่ใช่ภาพของนักธุรกิจที่เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการ หรือกรณีที่ดินที่ชี้แจงว่าได้มาจากการให้นั้นใครเป็นผู้ให้ ให้อย่างไร ทำไมจึงให้

เมื่อถูกเปิดประเด็นขึ้นมาย่อมมีคนสงสัยกันเป็นธรรมดา ถ้าตรวจสอบแล้วทุกอย่างถูกต้องก็จะช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ จะช่วยให้นายวิษณุยืนอยู่อย่างสง่าผ่าเผยได้ต่อไป และยังจะช่วยให้สิ่งที่นายวิษณุทำหรือพูด ทั้งที่ทำมาแล้ว พูดมาแล้ว หรือที่จะพูด หรือทำต่อไปให้อนาคตได้รับความเชื่อถือ

หากตรวจแล้วไม่ถูกต้องก็ดำเนินการกันไปตามกระบวนการ ตามกฎหมาย ซึ่งจะเป็นผลดีที่จะทำให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าไม่เลือกปฏิบัติ


You must be logged in to post a comment Login