วันพฤหัสที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

เป็นแต่เปลือก? / โดย พระพยอม กัลยาโณ

On April 7, 2017

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม
ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

ภาพที่โพสต์กันแพร่หลายกรณีพระพาสีกาไปชมมอเตอร์โชว์ แบบว่าเดินใกล้ชิดสนิทกันอะไรทำนองนั้น ซึ่งงานอย่างนี้พวกเศรษฐีมีเงินเขาอยากจะไปดู ไปซื้อ แล้วมีคนไปนั่งข้างๆ กว่าจะซื้อรถได้ก็คงจะได้ซื้อคนไปก่อน แต่พระ ที่ไปดู ไม่ใช่ไปแค่รูปเดียว แถมยังพาสีกาไปอีก จึงมองได้ 2 มุมคือ 1.ต้องการทำลายพระพุทธศาสนาให้ภาพพจน์เสียหาย และ 2.พระรูปนี้ไม่มีสมณสัญญา คือ ไม่ได้หมายรู้ว่าตัวเองเป็นอะไร

เขาบอกคนเรานี่ ถ้าใครมีการศึกษาดีก็ต้องรู้ว่าตัวเองจะเป็นอะไรและจะต้องสวมบทบาทอย่างไรแแค่ไหน ถ้ามีการศึกษาแล้วไม่รู้จะเป็นอะไร บวชแล้วก็ไม่รู้ว่าควรจะประพฤติตัวอย่างไร วางตัววางตนอย่างไร ไม่รู้กาลเทศะ สถานที่ ถ้าขาดตัวแบบนี้แล้วต้องถือว่าไม่เป็นบัณฑิต ไม่รู้กาลรู้เวลา ไม่รู้ชุมชนที่จะไป อย่างนี้ภาษาทางศาสนาพระพุทธเจ้าบอกว่า “พวกทุมมังกุ” คือพวกหน้าด้าน พวกเก้อยาก

เพราะฉะนั้นใครที่เห็นภาพนี้มานำไปเผยแพร่ ก็ต้องรู้จักแยกแยะด้วยว่าคนพวกนี้ใช่พระจริงพระแท้ในพระพุทธศาสนาหรือไม่ หรือเป็นแต่เปลือก เป็นพระเปลือกๆเราก็ต้องแยกแยะ อย่าไปนึกเกลียดชังทั้งหมด ส่วนต้นสังกัดวัดระดับเจ้าอาวาสก็ควรจะสอบสวน เรื่องอย่างนี้ยังจะมีอยู่เรื่อยๆ

สำหรับบุคคลที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นอะไร จะเป็นผัวหรือเป็นพระ เพราะเวลานี้พวกเป็นพระอยากเป็นผัวก็เยอะ แม้เขาไม่ได้ห้ามว่า ถ้าเป็นพระแล้วหมดอารมณ์อยากเป็นพระ มีอารมณ์อยากเป็นผัวก็สลัดผ้าเหลือง นุ่งกางเกงไป อย่าทำหัวมังกุท้ายมังกร เอาจีวรห่มตัว แต่ใจอยากจะใกล้ชิดกับสีกา อย่างนี้ก็เชิญไปเถอะ ไปที่ชอบๆ จะได้ทำตามใจที่ชอบของตัวเอง ไม่ชอบพระธรรมวินัย

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า การเป็นอยู่ชอบเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ถึงกับตรัสว่า ถ้าภิกษุทั้งหลายเธอจะอยู่กันชอบแล้วไซร้ โลกนี้จะไม่ว่างจากพระอรหันต์เลย แต่ถ้าเธออยู่กันไม่ชอบแล้วทำให้คนอื่นไม่ชอบเธอด้วย สักวันหนึ่งตัวเธอเองก็จะหมดความชอบตัวเองว่าทำไมต้องทำให้เขาด่า เขาแช่ง เขาสาป ทำให้ศาสนาต้องมาเสื่อม ตัวเองเป็นต้นเหตุแห่งการเสื่อม

ถ้าไม่คิดทำนุบำรุงสืบพระศาสนา อยากสืบพันธุ์ก็ออกไปสืบเลย ไม่มีใครเขาว่า เขาก็บอกแล้วว่าสตรีเป็นศัตรูของพรหมจรรย์ ถ้าพระไม่แส่ไปดึงข้าศึกเข้าบ้าน ไม่ชวนสีกาไปนั่นไปนี่ หรือถูกเขาชวนก็อย่าทอดสะพานชักสะพาน มันก็ไม่มีปัญหาอย่างที่เป็นข่าวต่างๆนานา ต่อแต่นี้ไปก็ขอให้พระไทยมีหิริโอตัปปะคือ ยางอาย อย่าเป็นพวกทุมมังกุ พวกหน้าด้าน แล้วก็ขอให้มี “สมณสัญญา” รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร

สมเด็จเฮงแห่งวัดมหาธาตุเคยพูดประโยคหนึ่งว่า ถ้าศิษย์กับอาจารย์ห่างกันมาก มีช่องว่างเมื่อไร ไอ้ตัวแทรกมันจะเข้ามาตรงช่องว่าง การขาดการตักเตือน แนะนำสั่งสอน จะเกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นครูบาอาจารย์ที่เป็นพระอุปัชฌาย์ต้องสอดส่องลูกศิษย์อย่างใกล้ชิด อย่าเป็นพระอุปัชฌาย์แต่อยากบวชอย่างเดียว ไม่มีอุปฌาชยะคือเฝ้าดูแลรักษามารยาท ความประพฤติ และพระธรรมวินัยลูกศิษย์ให้มีความสมบูรณ์

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login