วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

‘ทรัมป์’จ้องกีดกันประเทศคู่ค้า

On April 10, 2017

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ “ป่วนโลก” อีกระลอก โดยเป็นระลอกคลื่นที่ค่อนข้างแรง จากการเซ็นคำสั่งพิเศษ (Executive Order) ให้ตรวจสอบ 16 ประเทศ ที่ได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐ ซึ่งมีประเทศไทยรวมอยู่ด้วย

คำสั่งพิเศษกำหนดให้กระทรวงพาณิชย์ และสำนักผู้แทนการค้าสหรัฐ ดำเนินการตรวจสอบการได้เปรียบดุลการค้าของแต่ละประเทศ หรือกล่าวอีกนัยคือ ให้รวบรวมสาเหตุที่ทำให้สหรัฐขาดดุลการค้ากับ 16 ประเทศ

เพื่อพิสูจน์ว่า ประเทศเหล่านั้นทำการค้าอย่างเป็นธรรม หรือได้เปรียบจาก “กลโกง” 

ประเทศที่ติด “บัญชีต้องสงสัย” ของทรัมป์ 16 ชาติดังกล่าว ประกอบด้วยจีน ญี่ปุ่น เยอรมนี เม็กซิโก ไอร์แลนด์ เวียดนาม  อิตาลี เกาหลีใต้ มาเลเซีย อินเดีย ไทย ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ ไต้หวัน อินโดนีเซีย และแคนาดา

ทรัมป์ให้เวลากระทรวงพาณิชย์ และสำนักผู้แทนการค้า ทำงานเรื่องนี้ 3 เดือน โดยกำหนดให้ส่งรายงาน สิ้นเดือนมิถุนายนนี้

ทรัมป์จะพิจารณาลงโทษหรือยกเว้นโทษประเทศเป้าหมาย โดยตัดสินใจจากข้อมูลที่ได้รับ จากนั้น จะมอบหน้าที่ให้สำนักงานศุลกากรและการคุ้มครองพรมแดน ดำเนินการตั้งภาษีนำเข้าสินค้ากับประเทศที่ถูกลงโทษ รวมทั้งให้ประเทศที่ถูกลงโทษวางเงินประกัน เพื่อแลกกับสิทธิส่งสินค้าเข้าสหรัฐ

คำว่า “ทำการค้าอย่างไม่เป็นธรรม” หรือ “การโกง” ในความหมายส่วนหนึ่งของสหรัฐ ได้แก่ การไม่ทำตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ การแทรกแซงค่าเงิน ให้สกุลเงินของตนอ่อนค่าเกินพื้นฐานความเป็นจริง และการทุ่มตลาดโดยตั้งราคาสินค้าต่ำเป็นพิเศษ

มาตรการนี้ ได้จุดประกายให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ขณะบริจิท ซีพรีส์ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของเยอรมนี เปิดเผยว่ารู้สึกกังวล เนื่องจากเป็นมาตรการที่ทรัมป์นำสหรัฐไปผิดทาง

ซีพรีส์ระบุว่า การเสียเปรียบดุลการค้าของสหรัฐ เกิดจากปัจจัยภายในประเทศ ไม่ใช่เกิดจากต่างประเทศ

นักวิเคราะห์แห่งสำนักข่าว The Diplomat มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงวอชิงตันของสหรัฐ มองมุมเดียวกันว่า ปัญหาของสหรัฐเป็นปัญหาจากโครงสร้าง ประกอบด้วยแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาล แผนกระตุ้นการบริโภค และผู้บริโภคมีความต้องการสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศสูง

สำหรับการ “ปล่อยหมัด” นี้ ของทรัมป์ เป็นอีกหนึ่งมาตรการตามนโยบาย “America First” อเมริกาต้องมาก่อน ส่วนประเทศอื่นทั่วโลกจะเป็นอย่างไร “เอาไว้ค่อยคุยกัน”

แน่นอนว่า เศรษฐกิจของประเทศที่อยู่ใน “บัญชีต้องสงสัย” โดยเฉพาะประเทศขนาดเล็กจะได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากถูกสหรัฐ “ลงดาบ”

ส่วนผลกระทบจะหนักเบาแค่ไหน ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทรัมป์เป็นสำคัญ     


You must be logged in to post a comment Login