วันพฤหัสที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ยื้อไปก็แค่นั้น? / โดย Pegasus

On April 10, 2017

คอลัมน์ : เพื่อชาติประชาชน
ผู้เขียน : Pegasus

ความพยายามที่จะใช้ข้ออ้างในการซื้อเวลาให้รัฐบาลรัฐประหารอยู่ในอำนาจให้นาน ให้มากที่สุด เช่น การสร้างความปรองดอง หรืออย่างน้อยที่สุดถึงเปลี่ยนมือก็ขอให้ยังเป็นรัฐบาลมาจากรัฐประหารหรือเครือข่าย เพื่อความปลอดภัยไม่ให้มีการตรวจสอบย้อนหลังเรื่องใดๆ

สิ่งที่น่ากังวลไม่ใช่เรื่องการปกครองแบบเผด็จการ แต่เป็นเรื่องความสามารถของรัฐบาลที่จะทำให้เกิดความมั่งคั่งเพื่อทำให้ความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น เพราะจากรายงานหลายฉบับของทางราชการระบุว่า การจัดเก็บรายได้ที่มีอยู่ไม่เพียงพอกับการใช้จ่ายที่เกินตัวประมาณ 1 เท่า

เปรียบเทียบง่ายๆคือ มีเงินเดือน 200 บาท แต่มีรายจ่าย 400 บาท ส่วนต่างนี้ต้องไปกู้เงินนอกระบบมาเติมให้เต็ม หมายความว่ายิ่งเวลาผ่านไปหนี้สะสมจะเพิ่มขึ้นทุกวัน ทุกเดือน หากเป็นปีก็จะเป็นจำนวนมหาศาลทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย

เมื่อดูตลาดหุ้นก็จะพบว่ามีการถอนการลงทุนจากตลาดหุ้นจำนวนมาก โดยตลาดตราสารหนี้ตามรายงานของธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่า มีการลงทุนในตราสารหนี้จากต่างประเทศมากขึ้น อธิบายง่ายๆคือ ตราสารหนี้คือสัญญาใช้เงินของบริษัทเอกชนและรัฐวิสาหกิจ

ที่สำคัญคือพันธบัตรของรัฐ หรือสัญญาใช้เงินที่รัฐออกให้

สิ่งที่เกิดขึ้นคือภาระหนี้สินจำนวนมาก ซึ่งหากกู้มาเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพื่อสร้างรายได้ สร้างงาน และเกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทำให้เงินงอกเงยขึ้นมาก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องดูด้วยว่าเงินที่เพิ่มขึ้นนั้นคุ้มค่ากับการกู้หรือไม่?

เมื่อดูช่วงประมาณครึ่งปีที่ผ่านมารัฐบาลต้องกู้เงินในวงเงินประมาณ 700,000 ล้านบาท ถือว่าไม่น้อย แต่ที่น่ากังวลคือค่าใช้จ่ายภาครัฐหรืองบประมาณของรัฐบาลที่อยู่ที่ 2 ล้านล้านบาทนั้น กลายเป็นหนี้เสียเกือบครึ่งหนึ่ง ยังไม่รวมหนี้ตกค้างจากปีที่ผ่านมาอีกไม่รู้จำนวนเท่าไร

เท่ากับในอนาคตไม่สามารถพัฒนาประเทศอีกเป็นระยะเวลายาวนานจนกว่าจะชำระภาระหนี้สินหมด ซึ่งหนี้สินอาจมากกว่างบประมาณของรัฐบาลเสียอีก ไม่ต่างจากยุคที่ประเทศไทยเป็นหนี้ไอเอ็มเอฟ

ที่ต้องจับตามองคือ สหรัฐประกาศว่าไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ค้าขายเอาเปรียบสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ จะมีการลงนามคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อใช้มาตรการแก้การขาดดุลการค้ามหาศาลของสหรัฐ ซึ่งจะมีผลต่อการส่งสินค้าไปสหรัฐแน่นอน และบรรดานักธุรกิจก็วิตกไม่น้อยกับการตั้งกำแพงภาษีที่เพิ่มขึ้น นอกจากจะต้องนำเข้าสินค้าจากสหรัฐที่มีราคาแพงเพิ่มขึ้น ไม่เช่นนั้นก็จะถูกตอบโต้ทางการค้า โดยคาดว่าการส่งออกกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ของการค้าทั้งหมดจะได้รับผลกระทบ และเชื่อว่ากลุ่มยุโรปก็จะต้องมีมาตรการทางการค้าต่างๆตามมาเช่นกัน

ที่สำคัญหลายประเทศยังคงมาตรการไม่ติดต่อทางการค้ากับรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร ทำให้อาจมีการกีดกันหรือลงโทษตามมาได้ หมายความว่าการค้าขายระหว่างประเทศที่เป็นเงินตราเข้าประเทศจะมีปัญหาและมีปัญหาต่างๆตามมาอีก ไม่ใช่แค่เรื่องหนี้และการกู้เงินที่กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้เท่านั้น ยิ่งจะเกิดปัญหากับการลงทุนในภาครัฐต่างๆที่มีปัญหาหรือไม่เหมาะสม โดยเฉพาะการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ซึ่งเป็นการลงทุนที่ไม่เหมาะสมอย่างมากต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจปัจจุบัน

ข้อวิพากษ์วิจารณ์นี้ก็เพื่อให้ผู้มีอำนาจพิจารณาถอยห่างจากการเมือง ไม่ใช่การขับไล่ทางการเมือง เพราะเป็นความจำเป็นทางเศรษฐกิจที่ไม่อาจปฏิเสธได้ แต่หากยิ่งพยายามจะรักษาอำนาจให้นานเท่าไร ความเสียหายก็จะมากขึ้น ซึ่งตัวเลขไม่อาจโกหกได้ การยื้อเวลาไม่ได้แก้ปัญหาอะไรให้ดีขึ้น มีแต่จะเปลืองตัว การถอยออกไปอย่างสง่างามจึงเป็นทางออกเดียวที่เหลืออยู่ ทั้งยังจะรักษาเกียรติของทหารไว้ได้อีกด้วย


You must be logged in to post a comment Login