- ต้องมีก้างขวางคอไว้บ้างPosted 8 hours ago
- ส.ว.ต้องสร้างผลงานเชิดชูองค์กรPosted 2 days ago
- รอความจริงเปิดเผยPosted 5 days ago
- ไม่ประมาท โอกาสรอดมีเยอะPosted 5 days ago
- ล้างบางพระทาสยานรกPosted 6 days ago
- ยิ่งดิ้น ยิ่งจมPosted 1 week ago
- ไม่มีอะไรแน่นอนPosted 1 week ago
- ต้องเรียนวิชาป้องกันตัวเองPosted 2 weeks ago
- ยิ่งเรียน ยิ่งโง่ ยิ่งโต ยิ่งเซ่อPosted 2 weeks ago
- สื่อต้องเสนอข่าวสร้างสรรค์Posted 2 weeks ago
อิทธิฤทธิ์คำสั่ง!/ โดย นายหัวดี
คอลัมน์ : ฉุก(ละหุก)คิด
ผู้เขียน : นายหัวดี
คดีรับจำนำข้าวยังมีแง่มุมทางกฎหมายที่อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชี้ให้เห็นว่าเป็นการใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรมและเลือกปฏิบัติ ซึ่งล่าสุดศาลอุทธรณ์ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ยื่นฟ้อง นายจิรชัย มูลทองโร่ย ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดโครงการรับจำนำข้าว เพราะไม่มีการไต่สวนมูลฟ้อง ศาลอุทธรณ์จึงให้เริ่มต้นพิจารณาคดีใหม่
ขณะที่คำสั่งทางปกครองให้ยึด อายัดทรัพย์อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ 35,000 ล้านบาทนั้น เสียงข้างมากศาลปกครองกลางยกคำอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ยื่นคำร้องขอให้ทบทวนคำสั่งเกี่ยวกับการวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา เพื่อให้ทุเลาการยึดหรืออายัดทรัพย์ เนื่องจากยังไม่มีการใช้มาตรการบังคับทางปกครอง
ที่น่าสนใจคือเสียงข้างน้อย ตุลาการศาลปกครอง 2 คนที่เห็นแย้ง เช่นเดียวกับ นายปิยบุตร แสงกนกกุล นักวิชาการคณะนิติราษฎร์ก็ให้ความเห็นผ่านเฟซบุ๊กว่า จำนวนเงิน 35,000 ล้านบาทเป็นจำนวนมหาศาลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน หากปล่อยให้คำสั่งมีผลต่อไปและใช้มาตรการบังคับยึด อายัดทรัพย์ย่อมส่งผลให้ผู้ฟ้องคดี “หมดตัว” ได้ ซึ่งการทุเลาการบังคับคำสั่งก็ไม่น่าจะทำให้ราชการเสียหายอย่างไร
ที่สำคัญในวันข้างหน้าหากศาลปกครองพิพากษายืนยันว่าคำสั่งเรียกให้ชดใช้ชอบด้วยกฎหมาย อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ก็ต้องชดใช้อยู่ดี ไม่จำเป็นต้องใช้ “อิทธิฤทธิ์” คำสั่งทางปกครองให้มีผลใช้บังคับทันที
You must be logged in to post a comment Login