วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

‘ทรัมป์’ถล่มซีเรียเรียกเรตติ้ง?

On April 12, 2017

สหรัฐโจมตีซีเรีย “ยกแรก” ผ่านไปหลายวัน แต่ยังมีการวิเคราะห์วิจารณ์เรื่องนี้อย่างยืดเยื้อมาถึงปัจจุบันหลายประเด็น

แง่มุมหนึ่งที่มีการตีความจากเหตุการณ์ดังกล่าว คือประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นคนเด็ดขาด “กล้าคิดกล้าทำ” กว่าผู้นำสหรัฐคนก่อน

สำนักข่าว BBC ของอังกฤษ มองว่าทรัมป์ประสบความสำเร็จในการยับยั้งรัฐบาลซีเรียหยุดใช้แก๊สซาริน (Sarin) ต่อสู้กับศัตรู โดยซารินเป็นแก๊สต้องห้าม มีฤทธิ์ทำลายระบบประสาทรุนแรง

นอกจากนั้น BBC ยังมองว่า ทรัมป์แสดงให้ซีเรียและรัสเซีย ซึ่งเป็นพี่ใหญ่ของซีเรีย ทราบว่า ทรัมป์แตกต่างจากอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา

โอบามาเคยกำหนด “เส้นแดง” ห้ามซีเรียใช้แก๊สซารินเมื่อปี 2013 ซีเรียเมินคำเตือน ซึ่งถือว่าล้ำเส้น แต่โอบามาไม่ลงมือ “สั่งสอน” ซีเรีย ตามที่ขู่ไว้

แตกต่างจากทรัมป์ที่สั่งโจมตีทันที หลังซีเรียใช้ซาริน ทั้งที่ไม่ได้ขีดเส้นแดงเหมือนโอบามา

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญในมุมมองของสื่อ ได้แก่ กลยุทธ์กระตุ้นเรตติ้งของทรัมป์ ซึ่งเป็นประเด็นการเมืองภายในประเทศของสหรัฐ แต่การใช้วิธีหา “ตัวช่วย” จากภายนอก ทำให้ประเทศเป้าหมาย รวมทั้งสังคมโลกส่วนหนึ่ง ได้รับผลกระทบไปด้วย

สื่ออเมริกันระบุว่า กรณีผู้นำสหรัฐใช้สงครามเป็นตัวช่วยกระตุ้นเรตติ้ง หรือกระตุ้นความนิยม ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีการใช้มานานหลายสิบปีแล้ว ไล่ตั้งแต่ประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน สั่งกองทัพเข้าช่วยเหลือ (แทรกแซง) รัฐบาลเกรนาดาและปานามา

ประธานาธิบดีจอร์จ บุช ทำสงครามอ่าวเปอร์เซียกับอิรัก ประธานาธิบดีบิล คลันตัน สั่งกองทัพเข้าแทรกแซงบอสเนีย

และประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช (บุชผู้ลูก) สั่งถล่มอัฟกานิสถาน หวังสังหารกลุ่มต่อต้านสหรัฐ หลังกลุ่มดังกล่าว จี้เครื่องบินโดยสารก่อวินาศกรรม พุ่งชนตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ในนครนิวยอร์ก เมื่อ 11 กันยายน ปี 2001 ที่เรียกว่าเหตุการณ์ 9/11 (นายวันวัน)

ปฏิบัติการที่ระบุทั้งหมด ช่วยให้คะแนนนิยมของผู้นำสหรัฐ พุ่งลิ่วยกเว้นกรณีของคลันตันรายเดียว ที่ใช้ไม่ได้ผล ตัวเลขเรตติ้งนิ่ง

โอบามาเผชิญกระแสนิยมช่วงขาลงเช่นกัน เมื่อปี 2012 ทรัมป์ได้ทีเขียนแหย่ในทวิตเตอร์ว่า “ตอนนี้ความนิยมของโอบามาย่ำแย่ คอยดูเขาจะสั่งโจมตีลิเบียหรือไม่ก็อิหร่าน เพราะหมดทางเลือกแล้ว”

สำหรับกรณีล่าสุด คือ “คิว” ของทรัมป์เอง สถานการณ์ของคะแนนดีขึ้นเล็กน้อย โดยขยับจาก 40% ขึ้นไปที่ 43% หลังสั่งโจมตีซีเรีย

ทั้งหมดเป็นบทวิเคราะห์ของสื่ออเมริกันหลายสำนัก ถ้าเป็นความจริง ถือเป็นแง่มุมที่สะท้อนตัวตนอีกมิติหนึ่งของผู้นำสหรัฐ


You must be logged in to post a comment Login