วันพฤหัสที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ชีวิตที่ยืนยาว / โดย ณ สันมหาพล

On April 24, 2017

คอลัมน์ : โลกไม่หยุดนิ่ง
ผู้เขียน : ณ สันมหาพล

ไม่ว่ายุคไหนมนุษย์ต่างก็ฝันที่จะมีชีวิตยืนยาว ไม่มีวันตาย ซึ่งมีการค้นหาวิธีมาช้านาน แต่ความคืบหน้ายังไม่ปรากฏชัดเจน และในการประชุมเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาที่หุบเขา Mandeville Canyon เหนือนครลอสแอนเจลิส ถือเป็นครั้งประวัติศาสตร์ เนื่องจากมีการเปิดเผยว่าค้นพบความสำเร็จที่จะทำให้มนุษย์มีชีวิตที่ยืนยาวจากการวิจัยพัฒนาของนักวิชาการหัวกะทิเกือบทุกสาขา ซึ่งมีนักลงทุนให้การสนับสนุนทางการเงินอย่างล้นหลาม เช่น แลร์รี เพจ และเซอร์เกย์ บริน สองผู้ร่วมก่อตั้งกูเกิล รวมถึง บิล มาริส ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารสูงสุดกูเกิล เวนเจอร์ส

บริษัทในเครือกูเกิลที่โกยกำไรจากอูเบอร์และมีนักลงทุนดาวรุ่งในสังกัดอีกมากมาย เช่น ลอร่า เดมิ่ง อายุ 22 ปี ที่เพิ่งเปิดกองทุนเพื่อการลงทุนในกิจการชราภาพวิทยาเพื่อทำให้ชีวิตเป็นอมตะ นอกจากจะเป็นวิทยาการสาขาหนึ่งแล้วยังเป็นธุรกิจสำคัญในการลงทุน เพราะมีการประเมินว่าอาจมีมูลค่าทางการตลาดสูงถึง 200,000 ล้านเหรียญต่อปี เนื่องจากมนุษย์ทุกคนต้องใช้สินค้าและบริการวิทยาการด้านนี้ เพื่อให้มีสุขภาพดีตั้งแต่เกิดจนตายหรือเลือกที่จะตาย ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยกว่าผู้ที่ต้องการจะอยู่ พวกที่ต้องการมีชีวิตที่ยืนยาวสามารถเลือกได้ว่าจะตายเร็วหรือช้า

การประชุมที่ลอสแอนเจลิสเป็นการประชุมเชิงพบปะสังสรรค์ในหมู่นักวิชาการ นักลงทุน และผู้สนใจในศาสตร์และวิทยาการชะลอการตายของมนุษย์ ก่อนจะมีพิธีมอบรางวัล Grand Challenge in Healthy Longevity ซึ่งเป็นรางวัลของแพทยสมาคมแห่งสหรัฐอเมริกาด้านการค้นคว้าที่จะทำให้คนเรามีชีวิตที่ยืนยาวพร้อมกับการมีสุขภาพดี

รางวัลที่มอบเป็นเงินสดมูลค่า 25 ล้านเหรียญ โดยผลงานต้องเป็นระดับ breakthrough หรือความรู้ใหม่ที่เปิดทางให้เกิดการค้นพบใหม่ เช่น การค้นหาเอนไซม์ในเซลล์ร่างกายที่ควบคุมการชราภาพ การทดลองปรับเปลี่ยนพันธุกรรมที่ควบคุมอายุขัยสุนัขพันธุ์ต่างๆ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าพันธุ์สุนัขมีสารพัดและแต่ละพันธุ์มีอายุขัยต่างกัน การค้นพบนี้อาจนำมาใช้ในคนหรือใช้ทดลองผ่าตัดหนูชรา ซึ่งทำให้ได้เลือดจากหนูที่หนุ่มขึ้นในไม่กี่สัปดาห์อย่างน่าอัศจรรย์

งานนี้มีคนมากมายที่ตาลุก ในจำนวนนี้เป็นผู้ที่มีแนวคิดระบายเลือดเก่าออกจากร่างของผู้สูงอายุแล้วใส่เลือดใหม่เข้าไปเพื่อให้ร่างกายหนุ่มขึ้น

สรุปโดยรวมอาจแบ่งกลุ่มผู้เข้าประชุมได้ 2 พวกคือ healthspanner พวกที่ยืดเรื่องสุขภาพ กับพวก immortalist พวกชีวิตอมตะ โดยพวกแรกไม่เห็นด้วยกับการทำให้คนมีชีวิตยืนยาวตลอดไป เพราะกลัวว่าจะมีปัญหาตั้งแต่เรื่องงบประมาณจนถึงสภาพทางสังคม หรือกลัวคนที่ไม่พึงประสงค์จะตายอย่างจอมเผด็จการทั้งหลาย ซึ่งต่างต้องการมีอำนาจให้นานที่สุด หากเป็นจริงอะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศเหล่านั้นเมื่อผู้นำเผด็จการและโหดร้ายมีอายุยืนยาวไม่มีวันสิ้นสุด

ส่วนพวกที่มีเป้าหมายเรื่องสุขภาพเชื่อว่าเรื่องนี้จะทำได้แน่นอน เพราะทุกวันนี้คนที่ตายส่วนใหญ่เกิดจากอุบัติเหตุกับการถูกทำร้าย ซึ่งพบว่าคนกลุ่มนี้มีอายุเฉลี่ย 44 ปี ต่อมาคือการเจ็บป่วยที่มีอายุเฉลี่ย 64 ปี ที่ตายเพราะโรคมะเร็งมากที่สุด ตามด้วยโรคหัวใจในวัย 65 ปีขึ้นไป การค้นพบนี้จะทำให้คนไม่เสี่ยงกับการป่วยและมีอายุยืนมากขึ้น แต่ไม่ใช่ทำให้ชีวิตเป็นอมตะ

ขณะนี้มีการพูดกันมากเรื่องการค้นหาวิธีที่จะทำให้คนมีชีวิตยืนยาวที่สุด ซึ่งมีทั้งการเปลี่ยนอวัยวะเหมือนรถยนต์เปลี่ยนอะไหล่ คือมีการบำรุงรักษาแบบรถยนต์

รองลงมาคือ การนำสารที่พบในสัตว์ที่อายุยืนไปใส่ในร่างกายมนุษย์ ซึ่งสัตว์ที่มีสารอายุยืนนั้นส่วนใหญ่เป็นสัตว์ขนาดเล็ก ทั้งสัตว์ปีกและสัตว์เลื้อยคลาน

ส่วนพวกที่เห็นด้วยกับการทำให้มีชีวิตเป็นอมตะให้เหตุผลว่า เพราะมนุษย์ต้องการมานานแล้ว ทุกวันนี้ถ้าถามคนที่ไปร่วมงานชราภาพวิทยาแทบทุกคนจะยกมือสนับสนุน

แน่นอนว่าการค้นคว้าวิจัยที่ผ่านมาทำให้พบสิ่งแปลกใหม่ที่อาจช่วยให้มนุษย์มีชีวิตยืนยาวมากมาย แต่จะนำมาใช้ได้จริงแค่ไหนเท่านั้น การวิจัยเรื่องนี้จึงเปิดโอกาสให้กับผู้มีความรู้ความสามารถไม่จำกัด ซึ่งหมายถึงเงินเดือนที่สูงมากด้วย

นักวิจัยไทยจึงไม่ควรมองข้ามวิทยาการด้านนี้ แม้แต่เรื่องสมุนไพร ซึ่งมีความลึกลับอีกมากมายในการรักษาโรคต่างๆ รวมถึงการทำให้มีชีวิตยืนยาว


You must be logged in to post a comment Login