- อย่าไปอินPosted 1 day ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
ห้ามสงสัย??
คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
ในที่สุดกองทัพเรือไทยก็จะมีเรือดำน้ำเข้าประจำการหลังจากที่ตั้งเรื่องจะซื้อกันมานานหลายปี ผ่านมาหลายรัฐบาลแต่มาสำเร็จกันในวันที่รัฐบาลทหารคสช.ครองอำนาจ
การอนุมัติให้จัดซื้อมีมาตั้งแต่วันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา โดยจัดซื้อ 3 ลำใช้เงินงบประมาณ 36,000 ล้านบาท แต่เพิ่งมาเป็นข่าวได้สองวัน
ที่เป็นอย่างนี้เพราะการอนุมัติจัดซื้อถูกทำให้เป็นเรื่องความลับโดยใช้เหตุผลข้ออ้างเรื่องความมั่นคงมาอธิบาย และที่ไม่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ผู้เกี่ยวข้องชี้แจงว่า “สื่อไม่ถามเอง” เรื่องที่เป็นความลับจะไม่มีการแถลง
“ทั้งหมด 36,000 ล้านบาท จำนวน 3 ลำ ส่วนรายละเอียดจะแบ่งจ่ายอย่างไร สื่อไม่จำเป็นต้องรู้ เอาเป็นว่าใช้เวลาทั้งหมด 11 ปี เป็นการทยอยจ่ายยืนยันในเรื่องการจัดซื้อจัดหา เราทำความโปร่งใส โดยกองทัพเรือเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด ถ้าเราตัดสินใจซื้อจากประเทศอื่นในราคาลำเดียวก็เท่ากับซื้อของจีนได้ถึง 2 ลำ แถมยังได้อาวุธยุทโธปกรณ์ติดมาด้วย คณะกรรมการจากกองทัพเรือ 20-30 คน พิจารณาอย่างรอบคอบ มีการเปรียบเทียบทั้งคุณภาพและราคาก่อนที่จะดำเนินการ ซึ่งทำตามขั้นตอนทุกอย่าง และที่ซื้อก็ไม่ถือว่าเป็นราคาที่แพง มีประโยชน์มากในฝั่งทะเลอันดามัน ที่เราจะใช้ในระยะ 200 ไมล์ทะเล ที่เราไม่เคยเข้าไป ที่สำคัญต้องใช้เวลา 5-6 ปีกว่าจะได้เรือดำน้ำลำแรก ไม่ใช่ซื้อวันนี้ได้พรุ่งนี้”
นี่เป็นส่วนหนึ่งในคำอธิบายจากพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ไม่แน่ใจว่าการจัดซื้อครั้งนี้เป็นการจัดซื้อในราคาโปรโมชั่น 2 แถม 1 อย่างที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อธิบายเอาไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่
การจัดซื้อครั้งนี้แม้ผู้มีอำนาจยืนยันว่าโปร่งใส แต่มีคำถามตามมามากมาย
ทำไมต้องเฉพาะเจาะจงว่าต้องซื้อเรือดำน้ำจากจีน ทำไมไม่เปิดให้มีการเสนอราคาเปิดให้มีการแข่งขันตามปรกติ สเปกเรือดำน้ำจีน เทคโนโลยีคุ้มค่าคุ้มราคาหรือไม่
นอกจากนี้ ยังมีข้อน่าสังเกตว่าการจัดซื้อในวงเงินงบประมาณมหาศาลถึง 36,000 ล้านบาทนี้เป็นการซื้อข้างเดียว ไม่มีการแลกเปลี่ยนตั้งเงื่อนไขให้จีนซื้อสินค้าการเกษตรจากไทยในลักษณะการค้าต่างตอบแทนเหมือนโครงการอื่นๆที่เคยทำก่อนหน้านี้
ข้อสงสัยต่างเหล่านี้ได้รับการอธิบายอย่างชัดเจนจากบทสัมภาษณ์ตอนหนึ่งของพล.อ.ประวิตร ที่ระบุเอาไว้ว่า
“เอาเป็นว่าผมอยู่ในที่ประชุมแล้วกัน สื่อจะรู้ไปทำไม หรือจะต้องถามด้วยว่าจะหายใจอย่างไร จะต้องถามกันอย่างไร จะเกิดประโยชน์อะไรกับประเทศบ้าง ในเมื่ออนุมัติแล้ว แล้วเป็นอย่างไร ก็ให้รู้ว่าอนุมัติแล้วก็จบ ไม่ต้องไปลงว่าอนุมัติวันที่เท่าไร ในเมื่อเป็นเอกสารลับก็ต้องลับอย่างนี้ดีก็แล้วกัน ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ยืนยันว่าไม่ใช่เป็นการอนุมัติเงียบ ครม.ทั้งคณะรู้ทั้งหมด ที่ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมไม่ชี้แจงให้ประชาชนทราบนั้น เดี๋ยวมันก็ทราบกันเอง ถึงเวลามันก็ทราบ อย่างเรื่องรถถังก็อนุมัติมา 1-2 เดือนแล้ว ก็เพิ่งทราบแล้วก็มาเขียน โครงการจัดซื้อเรือดำน้ำใช้เวลาศึกษามา 9 ปีกว่าจะสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน กว่าจะมีการอนุมัติ ไม่ใช่คิดเพียง 1-2 วัน ถือเป็นยุทธศาสตร์เก่า กองทัพเรือต้องการมานานแล้ว จึงได้วางยุทธศาสตร์และแผนพัฒนากองทัพไว้ มีการตั้งกองเรือดำน้ำมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่ยังไม่มีเรือ มีแต่คน”
สรุปการจัดซื้อเรือดำน้ำเป็นเรื่องลับที่ประชาชนแม้จะเป็นผู้เสียภาษีที่เอาไปใช้ซื้อเรือดำน้ำก็ไม่มีสิทธิรับรู้ ไม่มีสิทธิตรวจสอบ ผู้มีอำนาจบอกว่าโปร่งใสก็ต้องเชื่อว่าโปร่งใส
ให้รู้บ้างว่าใครเป็นผู้มีอำนาจ ยุคนี้ห้ามตั้งคำถาม ห้ามสงสัย ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยมีบทเรียนจากการซื้ออาวุธมาแล้วหลายครั้ง มีทั้งที่ซื้อมาไม่ได้ใช้ และซื้อมาแล้วใช้ไม่ได้ต้องเสียงบประมาณไปเปล่าๆ
You must be logged in to post a comment Login