วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

อยู่กันไปก็แล้วกัน / โดย สนานจิตต์ บางสพาน

On May 1, 2017

คอลัมน์ : สากกะเบือยันเรือรบ
ผู้เขียน : สนานจิตต์ บางสพาน

ซาๆกันไปแบบอ้ำๆอึ้งๆ งงๆงวยๆ กับกรณีหมุดหาย สรุปว่าหายแหละ ก็เป็นอันว่าจบกันไปแบบยู้ยู้หลู่…ประมาณนั้น

เอาน่ะ… หมุดน่ะมายา ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าข้าว ค่าน้ำมัน สิของจริง ไม่มีจะกินจะใช้ขึ้นมาไปสั่นกระดิ่งบอกกันได้ซะที่ไหน เดินเข้า “สะดวกซื้อ” ของ “เจ๊กผู้ทะเยอทะยานอยากเป็นผู้ดี” ยังไม่ได้เลย

ก็อยู่กันไป อยู่ให้ได้ อยู่ให้เป็น เล่นหวยจนเครียด แดกเหล้ากันไป พวกคนจนผู้ยากไร้

ข่าวถัดมาหลังจากที่รอ ที่จริงไม่รู้หรอกว่า อาจารย์วรเจตน์ ภาคีรัตน์ รอหรือเปล่า แต่เรื่องที่ “รับราชการ” และมีผลงานทางวิชาการจนเข้าเงื่อนไขที่จะได้เป็น “ศาสตราจารย์” นั้น โดนใครบางคนดึงออกจากแฟ้มบนสุดเอาไปไว้ล่างสุด เล่นเอาเถิดเจ้าล่ออยู่นานสองนาน ไม่เสนอและส่งขึ้นไปตามลำดับชั้น แต่ในที่สุดข้อเท็จจริงและความจริงก็ปรากฏ เมื่อเป็น “สิทธิอันชอบธรรม” ที่อาจารย์วรเจตน์สมควรจะได้รับ “ฟ้าดิน” ก็รับรู้ ถึงจะรอจนถึงการ “เปลี่ยนผ่าน” ก็เถอะ

เรื่องแบบนี้คนที่ดึงเช็งนั่นแหละตัวการที่ทำให้คนที่มีอำนาจเซ็นเสียหาย เพราะเขาไม่ได้รู้อีโหน่อีเหน่ด้วย พวกมึง “วางยา” กันเอง จะด้วยเหตุและผลอะไรก็ตามแต่ แต่ของแท้ก็คือของแท้ ในที่สุดสังคมธรรมศาสตร์และคณะนิติศาสตร์ก็มี “ศาสตราจารย์วรเจตน์ ภาคีรัตน์” จนได้ เพราะมีพระบรมราชโองการผ่านราชกิจจานุเบกษาออกมาเรียบร้อยแล้ว

ข่าวอาจารย์วรเจตน์นักเรียนทุนได้เป็นศาสตราจารย์สวนทางกับข่าวนักเรียนทุนระดับ “รศ.” อดีตประธานสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโกงแชร์ลูกโซ่ หอบเงินบรรดาคณาจารย์ พนักงาน ลูกจ้างของจุฬาฯ หายเข้ากลีบเมฆ วงเงินระดับ 1,000 ล้านบาท ตามข่าวว่า “ติดการพนัน” อายุ 70 กว่าแล้วยังเป็นไปได้ปานนั้น น่าจะสมควรตายในคุกถ้าหนีไม่รอดนะ แต่อย่างว่า เงินจ้างผีโม่แป้งได้ มีเงินซะอย่างอะไรก็สบาย

ดูแต่กรณีลูกชายขาใหญ่เครื่องดื่มชูกำลังก็แล้วกัน ขับรถชนตำรวจตาย พ่วงข้อสงสัยเล่นโค้ก ลูกพี่ตำรวจคนตายลงทุนเปลี่ยนตัวผู้ต้องหาจนกระเด็นออกจากราชการหายไปจากแวดวง คดีลากยาวมาจนถึงวันนี้ยังปิดคดีไม่ได้ แต่ผู้ต้องหาโดนอุ้มเหาะเหินเดินอากาศหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เรื่องอย่างนี้ทำได้อย่างมากก็นินทาแกล้มเหล้า…ฮา

พูดมาก เขียนมาก คนพูด คนเขียนก็อาจโดนอุ้มหาย หรือติดเชื้อกันได้ง่ายๆ ก็สนุกสนานดีประเทศนี้ “ไทยแลนด์ 4.0” ท่ามกลางอากาศร้อนเจียนคลั่ง ค่าไฟก็ดันมาขึ้นตามอีก คอยดูนะ อีกไม่เกิน 1-2 เดือน ข่าวภัยแล้ง น้ำไม่พอผลิตกระแสไฟ ไม่พอทำการเกษตรจะตามมา แล้วก็จะมีแถลงแก้ข่าวจะทำโน่นทำนี่ตามมา แล้วมีใครสักคนออกมาพูดจาเฮงซวยว่า เฮ้ย…ข้าวสารราคาตกก็ไปปลูกอย่างอื่นสิวะ!

พอหมดจากภัยแล้ง คราวนี้ก็จะถึงน้ำเหนือหลาก น้ำท่วม วงจรแบบนี้ สนจ. เห็นมา 40 ปีเต็มๆชั่วชีวิตการเป็นนักข่าว “เจ๊ยุ” แกจึงทนไม่ไหว ตายดีกว่า ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม

เผลอๆอาจจะได้ย้อนไปอยู่ในยุค “สุวรรณภูมิ” มลังเมลืองแบบกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว คนไทยไม่ได้มาจากไหน แต่เป็นมหาอำนาจอยู่ในอุษาคเนย์ประมาณนั้น

ก็เอานะ… ร้อนก็ไปอาบน้ำ นี่ง่ายสุด พอมีเงินก็ซื้อพัดลม ถ้าดิ้นรนได้มากหน่อยก็ติดแอร์ ถึงสิ้นเดือนมาก็จ่ายค่าเช่า

ทำตัวให้ได้แบบ… แค่เรามา “เช่าบ้าน” เขาอยู่ ชีวิตก็น่าจะพอ อยู่ๆกานปายยยยก็เท่าน้านนนน…!!!


You must be logged in to post a comment Login