อนาคตฝรั่งเศสภายใต้ผู้นำใหม่

• Tweet
• 

การเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส ได้ข้อสรุปที่เป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่หลายกรณี อีกทั้งช่วยให้หลายฝ่ายโล่งใจคลายกังวล โดยเฉพาะสหภาพยุโรป (อียู) ที่ไม่เสียประเทศสมาชิกสำคัญไป

ผลงานของนายเอมมานูเอล มาคง วัย 39 ปี แห่งพรรคเอิง มาร์ช (En Marche!) ที่ชนะ นางมารีน เลอ แปง คู่แข่งจากพรรคแนวร่วมแห่งชาติ ได้สร้างมิติใหม่หลายอย่างขึ้นในวงการการเมืองของฝรั่งเศส

ส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์การเมืองที่มาคงสร้างขึ้น ประกอบด้วย เป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศสอายุน้อยที่สุด และเป็นผู้นำฝรั่งเศสที่ไม่ได้มาจากพรรคหลัก

มาคงจะเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ ต่อจากนายฟร็องซัว ออล็องด์ วันอาทิตย์ ที่ 14 พฤษภาคม นี้ โดยมีวาระปฏิบัติหน้าที่ 5 ปี

ผู้นำหนุ่มฝรั่งเศส มีนโยบายสายกลาง สนับสนุนการค้าแบบเสรีตามแนวทางของอียู

เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเศรษฐกิจและการเงิน ในรัฐบาลชุดล่าสุดของนายออล็องด์

ขณะเลอ แปง มาแรงด้วยนโยบายชาตินิยมขวาจัด ประกาศว่า หากชนะเลือกตั้ง จะนำฝรั่งเศสออกจากอียู จะกำจัดผู้อพยพ และเน้นมาตรการ “France First” ผลประโยชน์ของชาวฝรั่งเศสต้องมาก่อน

แนวทางของเลอ แปง สร้างความกังวลให้อียู และภาคการค้าการลงทุนทั่วโลก เมื่อมรสุมผ่านไป หลังเลอ แปง เป็นฝ่ายแพ้ จึงทำให้หลายฝ่ายมองว่า ท้องฟ้า “น่าจะสดใส”

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมองว่า สถานการณ์เพียงแค่คลี่คลายระดับหนึ่งเท่านั้น ไม่ถึงขั้นฝรั่งเศสและพันธมิตรที่เกี่ยวข้องจะเข้าสู่ยุคเฟื่องฟู

เนื่องจากฝรั่งเศสในปัจจุบัน ประสบปัญหาหลายอย่าง ไล่ตั้งแต่ความแตกแยกในสังคม ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์ เศรษฐกิจตกต่ำ และอัตราว่างงานสูง

ทั้งหมดคือความท้าทายสำคัญ ที่มาคงต้องเอาชนะ เพื่อนำฝรั่งเศสก้าวสู่ความมั่นคงและเข้มแข็งกว่าที่เป็นอยู่

อีกหนึ่งความท้าทายสำคัญของมาคง คือคณะรัฐมนตรีมาจากหลายสังกัด เนื่องจากเพิ่งตั้งพรรคเพียงปีเดียว ทำให้ยังขาดบุคลากรมากประสบการณ์ภายในพรรค โดยมาคงต้องควบคุมคณะรัฐมนตรีให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ช่วยกันบริหารประเทศไปในทิศทางเดียวกันให้ได้

ถ้าควบคุมไม่ได้ ย่อมหมายถึงเกิดการแบ่งฝักฝ่าย แบ่งขั้วภายในคณะรัฐบาล ทำให้การขับเคลื่อนประเทศ ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควรจะเป็น

ความท้าทายดังกล่าว คือภารกิจหลักที่ “กองเชียร์” คอยลุ้นว่า มาคงจะทำได้ดีแค่ไหน

สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างฝรั่งเศสกับไทย หลังการเลือกตั้งครั้งนี้ นักวิเคราะห์เสียงข้างมากฟันธงว่า ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง หรือเปลี่ยนแปลงน้อยมาก

You must be logged in to post a comment Login