วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

กระแสต้านแผน‘เชื่อมโลก’จีน

On May 16, 2017

โครงการฟื้นเส้นทางสายไหมสู่ยุคใหม่ของจีน ริเริ่มโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ซึ่งใช้ชื่อโครงการในภาษาอังกฤษว่า “One Belt, One Road” (หนึ่งแนวเขตหนึ่งเส้นทาง) หรือ “Belt and Road Initiative”

เป็นแผนก่อสร้างโครงข่ายเส้นทางการค้าและการพัฒนาเศรษฐกิจขนาดใหญ่ระดับ “เชื่อมโลก” โดยเชื่อมจีนกับนานาชาติในทวีปเอเชีย ยุโรป และแอฟริกา อีกทั้งมีแผนขยายเพิ่มไปยังอเมริกาเหนือและใต้ในอนาคตด้วย

ประชาคมโลกส่วนใหญ่มองโครงการนี้เชิงบวก ยกย่องความสามารถของจีน และมองกันว่าจีนมีแผนใช้โครงการนี้เป็นบันไดขึ้นสู่ตำแหน่งประเทศผู้นำโลกแทนสหรัฐ

สี จิ้นผิง แถลงถึงโครงการนี้ต่อผู้นำประเทศ 29 ชาติ ในที่ประชุม “Belt and Road Forum” ที่กรุงปักกิ่ง เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีใจความสำคัญส่วนหนึ่งว่า

“จีนมีจุดประสงค์แสวงความร่วมมือด้านการพัฒนากับทุกประเทศ โครงการนี้เป็นโครงการที่ให้ผลประโยชน์ร่วมกัน เป็นโครงการขจัดความยากจน ส่งเสริมการค้าเสรีและสันติภาพ

จีนจะไม่เข้าไปแทรกแซงเรื่องภายในของประเทศที่ร่วมโครงการ ไม่แนะนำให้สร้างระบบสังคมแบบจีน ไม่บังคับให้ยอมรับทัศนคติของจีน และจีนจะไม่สร้างศัตรูจากโครงการนี้”

แม้จีนจะทุ่มสรรพกำลังและเงินทุนจำนวนมหาศาล รวมทั้งย้ำหนักแน่นว่า เป็นโครงการที่ประเทศร่วมโครงการ จะได้ผลประโยชน์ร่วมกับจีน

แต่มีนักสังเกตการณ์จำนวนไม่น้อย ที่มองเจตนาของจีนในแง่ลบ หวั่นกันว่าจีนจะใช้เป็นช่องทางครอบงำโลกทั้งด้านการเงิน การเมือง และการทหาร

จอร์ก วัตเก ประธานหอการค้าสหภาพยุโรปสาขาจีน มองว่าทางการจีนใช้เป็นช่องทางให้ภาคเอกชนเข้าไปควบคุมเงินทุนของประเทศที่ร่วมโครงการ และกอบโกยเงินกลับจีน

ขณะอาซีม คาลิด ผู้เชี่ยวชาญ แห่ง Commission on Science and Technology for Sustainable Development in the South ของปากีสถาน มองว่า เป็นโครงการก่อหนี้ให้รัฐบาลท้องถิ่นจากการกู้เงินจีนเป็นต้นทุนพัฒนาโครงการ โดยยกตัวอย่างโครงการในปากีสถานว่า ทำให้ลูกหลานของประเทศต้องรับภาระใช้หนี้จีนอีกนานหลายสิบปี

ส่วนแอนดี้ เซียะ นักเศรษฐศาสตร์อิสระของจีน มองเส้นทางรถไฟเชื่อมจีนกับยุโรปว่า เป็นโครงการไม่คุ้มทุน เพราะต้นทุนขนส่งสินค้าทางรถไฟแพงกว่าทางทะเล และหากเป็นสินค้าคุณค่าสูง ผู้ประกอบการจะเลือกส่งทางเครื่องบินแทนรถไฟ

แม้จะมีกระแสไม่เห็นด้วย แต่จีนใส่เกียร์ขับเคลื่อนโครงการนี้อย่างสุดกำลัง อีกทั้งประกาศเพิ่มงบอีก 124,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (4.28 ล้านล้านบาท)


You must be logged in to post a comment Login