วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

เส้นทาง‘โจรค่าไถ่’ออนไลน์

On May 17, 2017

การที่โจรนิรนามส่งไวรัส “วอนนาคราย” (WannaCry) ผ่านทางอินเทอร์เน็ต ไป “จับกุม” ข้อมูลในคอมพิวเตอร์เป็นตัวประกันเรียกค่าไถ่ ที่สร้างความปั่นป่วนไปทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย

ถือเป็นการก่ออาชญากรรมในโลกไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่สุด และสร้างความเสียหายมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา  

นอกจากนั้น ยังสร้างความสับสนอลหม่านในวงกว้าง เนื่องจากไม่เข้าใจสาเหตุและที่มาที่ไปของเหตุการณ์นี้ ขณะผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจำนวนมากรู้สึกหวาดผวา เกรงจะถึงคิวตกเป็นเหยื่อโจรนิรนามแห่งโลกไซเบอร์ ที่มีมัลแวร์วอนนาครายเป็นอาวุธร้าย

คนร้ายก่อเหตุ “เรียกค่าไถ่” เขย่าโลกครั้งนี้ มีจุดประสงค์เดียวกับโจรเรียกค่าไถ่ทั่วไป นั่นคือ ต้องการเงิน โดยโจรใช้วิธีส่งมัลแวร์วอนนาครายเข้าไปล็อกระบบของคอมพิวเตอร์ ทำให้ไม่สามารถเปิดใช้งานข้อมูลและไฟล์ภาพในคอมพิวเตอร์ได้

พร้อมกันนั้น คนร้ายจะเขียนข้อความบังคับให้เจ้าของคอมพิวเตอร์ ส่งเงินให้เพื่อแลกกับรหัสมาปลดล็อก โดยบอกวิธีการส่งเสร็จสรรพ สำทับด้วยการกำหนดเวลาส่งเงิน อาจให้เวลาผู้ตกเป็นเหยื่อ 24 ชั่วโมง 3 วัน หรือ 7 วัน มีย้ำด้วยว่า ยิ่งส่งช้าค่าไถ่จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น

หากไม่ปฏิบัติตามข้อเสนอ คนร้ายจะ “สั่ง” มัลแวร์ให้ทำลายข้อมูลและไฟล์ภาพทั้งหมดในคอมพิวเตอร์

“เงิน” ที่คนร้ายต้องการ คือบิทคอยน์” (Bitcoin) เป็นสกุลเงินดิจิทัล หรือเงินตัวเลขใช้ซื้อสินค้าและทำธุรกรรมทางการเงินในโลกอินเทอร์เน็ต มีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 59,600 บาท/บิทคอยน์ (1 บิทคอยน์ มีค่าเท่ากับ 59,600 บาท)

ค่าของบิทคอยน์เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ขึ้นอยู่กับระดับความต้องการของกลุ่มคนใช้ เป็นเงินที่ผู้ค้าออนไลน์ส่วนหนึ่งใช้กัน สามารถแลกเป็นเงินจริงได้ในหลายประเทศ เช่น อังกฤษ สหรัฐ และญี่ปุ่น เป็นต้น แต่ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายรับรองเงินประเภทนี้

“ทีเด็ด” ของบิทคอยน์ คือเป็นสกุลเงินเสรีในโลกอินเทอร์เน็ต ไม่มีประเทศใดเป็นเจ้าของ ใช้ง่ายจ่ายคล่อง เมื่อคนโอนกับคนรับเงินตกลงกันได้ ก็จ่ายได้เลย ไม่ต้องใช้คน หลักทรัพย์ หรือเอกสาร รับรองการรับการโอน

เป็นการทำธุรกรรมทางการเงินที่ไม่มีหลักฐานใด ๆ อีกทั้งไม่สามารถรู้ที่อยู่ที่แท้จริงของผู้รับและผู้โอนด้วย

จากระบบดังกล่าวของบิทคอยน์ ทำให้ตำรวจทั่วโลกตามล่าตัวคนร้ายเรียกค่าไถ่ครั้งนี้ได้ยาก

ต่อคำถามว่า ประชาคมโลกสามารถกำจัดมัลแวร์ และคนร้ายเรียกค่าไถ่ในโลกไซเบอร์ให้สิ้นซาก ไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นอีกในอนาคตได้หรือไม่

คำตอบคือ “ไม่สามารถทำได้”

วิธีรักษาความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตทรงประสิทธิภาพที่สุด ที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำคือ “การป้องกัน”  


You must be logged in to post a comment Login