วันพฤหัสที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

มุฮัมมัดและอับราฮัมในความทรงจำของมุสลิม / โดย บรรจง บินกาซัน

On May 22, 2017

คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

“อับราฮัม” หรือ “อิบรอฮีม” เป็นต้นกำเนิดสายธารของ 3 ศาสนาใหญ่ของโลก นั่นคือ ศาสนายูดาย ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม ดังนั้น จึงไม่มีใครใน 3 ศาสนานี้ไม่รู้จักอับราฮัม

ชาวยิวและชาวคริสเตียนถือว่าอับราฮัมเป็นบรรพบุรุษของบรรดาศาสดาที่พวกตนเคารพนับถือ คัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า ศาสดาคนสำคัญๆอย่างเช่น โมเสส อาโรน ดาวิด โซโลมอน และเยซัส สืบเชื้อสายมาจากยาโกบ ลูกชายของอิสฮาก บุตรคนที่ 2 ของอับราฮัมที่เกิดจากนางซาราห์ ภรรยาคนแรกของเขาในแผ่นดินปาเลสไตน์ ลูกหลานของยาโกบถูกเรียกว่า “ลูกหลานอิสราเอล” ตามฉายาของยาโกบ

ส่วนชาวอาหรับยกย่องอิบรอฮีมว่าเป็นบรรพบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของพวกตน เพราะชนเผ่าสำคัญๆของชาวอาหรับสืบเชื้อสายมาจากอิสมาอีล บุตรคนแรกของอิบรอฮีมที่เกิดจากนางฮาการ์ ภรรยาคนที่สองของอิบรอฮีมในอียิปต์

ลูกหลานอิสราเอลได้รับเคราะห์ซ้ำกรรมซัดนานหลายร้อยปี จนกระทั่งสามารถรวมตัวกันสร้างอาณาจักรอิสราเอลอันยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ภายใต้การนำของดาวิดและโซโลมอน แต่ไม่นานอาณาจักรอิสราเอลก็ถูกชนชาติอื่นโจมตีจนต้องตกเป็นทาสอีก เมื่อได้รับการปลดปล่อยให้กลับมายังเยรูซาเล็ม พวกลูกหลานอิสราเอลได้เริ่มสร้างเมืองของตนขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แต่ในที่สุดพวกลูกหลานอิสราเอลก็ถูกพวกโรมันรุกรานและขับไล่ออกจากเยรูซาเล็มอีกใน ค.ศ. 70 นับตั้งแต่นั้นมาพวกลูกหลานอิสราเอลได้แตกกระจัดกระจายไปอยู่ตามส่วนต่างๆของโลก และมี 3 เผ่าหลบหนีมาอาศัยอยู่ในคาบสมุทรอาหรับที่เมืองยัษริบก่อนสมัยนบีมุฮัมมัด

ในคัมภีร์ของพวกลูกหลานอิสราเอลได้พูดล่วงหน้าถึงการมาของบุคคลผู้หนึ่ง ซึ่งพวกลูกหลานอิสราเอลเชื่อว่าจะมาช่วยเหลือพวกตนเหมือนเมื่อครั้งโมเสสได้มาช่วยเหลือบรรพบุรุษของพวกตนให้พ้นจากการถูกกดขี่ของฟาโรห์

เมื่อมุฮัมมัดประกาศตัวเป็นนบี ท่านได้เข้าไปหาพวกลูกหลานอิสราเอลและบอกคนเหล่านี้ว่า “ฉันคือคำวิงวอนของอับราฮัม และคนสุดท้ายที่มาแจ้งข่าวดีเกี่ยวกับการมาของฉันคืออีซา (พระเยซู)” แต่ลูกหลานอิสราเอลไม่ยอมรับท่าน เพราะความถือดีในเชื้อสายบรรพบุรุษของพวกตน และมีอคติว่าชาวอาหรับเป็นชนชาติที่ด้อยกว่า ดังนั้น พระเจ้าจึงประทานเรื่องราวของอับราฮัมมาให้ท่านนบีมุฮัมมัดเพื่อนำไปบอกเล่าให้พวกลูกหลานอิสราเอลได้รู้ว่าอับราฮัมได้มายังหุบเขาบักก๊ะฮฺในแผ่นดินอาหรับ และได้สร้างก๊ะอฺบ๊ะฮฺเป็นสถานที่เคารพสักการะพระเจ้า

คัมภีร์กุรอานเล่าว่า เมื่ออับราฮัมสร้างก๊ะอฺบ๊ะฮฺเสร็จเขาได้วิงวอนว่า “ข้าแต่พระเจ้า ฉันได้ตั้งรกรากถิ่นฐานให้ลูกหลานของฉันบางคนในหุบเขาอันกันดารใกล้บ้านอันศักดิ์สิทธิ์นี้ของพระองค์ ข้าแต่พระเจ้าของเรา ฉันทำสิ่งนี้ก็ด้วยหวังว่าพวกเขาจะได้ดำรงละหมาดที่นั่น ดังนั้น โปรดหันหัวใจของผู้คนไปยังพวกเขา และโปรดประทานผลไม้เป็นอาหารแก่พวกเขาด้วยเถิด เพื่อพวกเขาจะได้เป็นผู้กตัญญู” (กุรอาน 14:37)

คำวิงวอนของอับราฮัมได้รับการตอบสนองจากพระเจ้า เพราะบ้านอันศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวซึ่งถูกเรียกว่า “บัยตุลลอฮฺ” (บ้านของพระเจ้า) มีมุสลิมไปละหมาดที่นั่นโดยไม่ว่างเว้นทั้งก่อนและหลังเทศกาลฮัจญ์มานานนับหลายพันปี แม้ในช่วงก่อนสมัยนบีมุฮัมมัดชาวอาหรับจะหลงผิดนำเอาเจว็ดบูชาสารพัดรูปร่างมาตั้งเพื่อเคารพสักการะ แต่นบีมุฮัมมัดผู้เป็นเชื้อสายของอับราฮัมได้มาทำลายการเคารพสักการะรูปเจว็ดทั้งหมด และได้ประกาศให้ก๊ะอฺบ๊ะฮฺเป็นสถานที่แห่งการเคารพสักการะพระเจ้าองค์เดียวนับตั้งแต่นั้นมา

และแม้เมืองมักก๊ะฮฺจะเต็มไปด้วยโขดหินที่ไม่สามารถทำการเพาะปลูกได้ แต่เมืองมักก๊ะฮฺก็มีผลไม้จากทั่วโลกกินตลอดทั้งปีตามคำวิงวอนของอับราฮัม

ดังนั้น ทุกครั้งที่ละหมาดมุสลิมทุกคนต้องอ่านคำวิงวอนตอนหนึ่งเป็นภาษาอาหรับซึ่งมีใจความว่า “โอ้ อัลลอฮฺ โปรดประสาทพรแก่มุฮัมมัดและแก่ครอบครัวของมุฮัมมัด เช่นเดียวกับที่พระองค์ประสาทพรแก่อิบรอฮีมและแก่ครอบครัวของเขา และโปรดประทานความจำเริญแก่มุฮัมมัดและแก่ครอบครัวของเขา เช่นเดียวกับที่พระองค์ประทานความจำเริญแก่อิบรอฮีมและแก่ครอบครัวของเขา แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงเกียรติอันสูงส่ง”


You must be logged in to post a comment Login