วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ความหวังหลังระเบิดที่อังกฤษ

On May 24, 2017

การก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย โจมตีฝูงชนขณะออกจากอาคารแมนเชสเตอร์ อารีนา ของเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ หลังจบคอนเสิร์ตของอะรีอานา กรานเด นักร้องสาวป๊อปสตาร์ชาวอเมริกัน

เป็นการก่อเหตุสังหารหมู่ผู้บริสุทธิ์ที่เลวร้ายอีกครั้งหนึ่งของโลก โดยคนร้ายลงมือกดระเบิดที่ประกอบเอง ฆ่าตัวตายท่ามกลางฝูงชน บริเวณทางออกจากอารีนาไปยังสถานีรถไฟใต้ดิน เมื่อเวลาประมาณ 22.30 น.ของคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น

ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 22 คน บาดเจ็บกว่า 120 คน ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น โดยมีเด็กรวมอยู่ด้วย

ถือเป็นความสำเร็จอีกครั้งหนึ่งของเหล่ามารชั่วโหดเถื่อน ที่พึงพอใจกับการทำลายทรัพย์สินและชีวิตมนุษย์ สร้างความหวาดผวาทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยในชีวิต รวมทั้งยินดีกับเสียงประณามสาปแช่งจากทั่วโลก

แม้กลุ่มลงมือจะเป็นไอเอสที่อ้างในเวลาต่อมาว่าเป็นฝ่ายก่อเหตุ หรือเป็นกลุ่มอื่น ก็ถือว่าเป็นเหล่ามารชั่วโหดเถื่อนไม่แตกต่างกัน

การโจมตีที่อยู่ในข่ายการก่อการร้ายลักษณะนี้ เกิดขึ้นในยุโรปหลายประเทศ เช่น ที่ฝรั่งเศส เบลเยียม เยอรมนี และสวีเดน ขณะอังกฤษเองก็เคยเกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์นี้ กรณีคนร้ายขับรถพุ่งชนฝูงชนและพยายามจะเข้าโจมตีอาคารรัฐสภาในกรุงลอนดอน เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

จึงไม่มีข้อสงสัยว่า หน่วยการข่าวและหน่วยต่อต้านก่อการร้ายของอังกฤษ มีการยกระดับแผนป้องกันและปราบปรามหรือไม่

ถึงกระนั้น ก็ยังมีช่องโหว่ให้กลุ่มก่อการร้ายและกลุ่มหัวรุนแรงใช้ก่อเหตุ

อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุสลดและสะเทือนอารมณ์ครั้งนี้ ดูเหมือนประชาคมโลกจะมีความหวังด้านความปลอดภัยจากก่อการร้ายมากขึ้น หากใช้ปฏิกิริยาของผู้นำระดับโลกเป็นเกณฑ์

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ที่ชูแผนป้องกันและปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายเป็นหนึ่งในวาระสำคัญ ประณามกลุ่มก่อเหตุว่า เป็นพวกมารชั่ว (Evil loser) ที่ต้องกำจัดให้สิ้นซาก

ขณะประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล แห่งเยอรมนี ยืนยันจะเพิ่มความร่วมมือกับอังกฤษ ด้านการป้องกันและปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายรวมทั้งกลุ่มหัวรุนแรง

นอกจากนั้น ผู้นำประเทศแนวหน้าของโลก เช่น จีน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น แคนาดา และออสเตรเลีย ล้วนแสดงเจตนาไปในทิศทางเดียวกัน

แน่นอนว่า การทำงานร่วมกันของนานาชาติ ย่อมทรงพลังกว่าการทำงาน “เชิงเดี่ยว” เฉพาะแต่ละประเทศ

ประเด็นที่ต้องลุ้นต่อไปก็คือ นานาชาติจะถ่ายทอดเจตนาสู่แผนปฏิบัติได้มากน้อยแค่ไหน


You must be logged in to post a comment Login