- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 2 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 2 months ago
- โลกธรรมPosted 2 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 2 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 2 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 2 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 2 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 2 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 2 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 2 months ago
ความหวังหลังระเบิดที่อังกฤษ

การก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย โจมตีฝูงชนขณะออกจากอาคารแมนเชสเตอร์ อารีนา ของเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ หลังจบคอนเสิร์ตของอะรีอานา กรานเด นักร้องสาวป๊อปสตาร์ชาวอเมริกัน
เป็นการก่อเหตุสังหารหมู่ผู้บริสุทธิ์ที่เลวร้ายอีกครั้งหนึ่งของโลก โดยคนร้ายลงมือกดระเบิดที่ประกอบเอง ฆ่าตัวตายท่ามกลางฝูงชน บริเวณทางออกจากอารีนาไปยังสถานีรถไฟใต้ดิน เมื่อเวลาประมาณ 22.30 น.ของคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น
ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 22 คน บาดเจ็บกว่า 120 คน ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น โดยมีเด็กรวมอยู่ด้วย
ถือเป็นความสำเร็จอีกครั้งหนึ่งของเหล่ามารชั่วโหดเถื่อน ที่พึงพอใจกับการทำลายทรัพย์สินและชีวิตมนุษย์ สร้างความหวาดผวาทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยในชีวิต รวมทั้งยินดีกับเสียงประณามสาปแช่งจากทั่วโลก
แม้กลุ่มลงมือจะเป็นไอเอสที่อ้างในเวลาต่อมาว่าเป็นฝ่ายก่อเหตุ หรือเป็นกลุ่มอื่น ก็ถือว่าเป็นเหล่ามารชั่วโหดเถื่อนไม่แตกต่างกัน
การโจมตีที่อยู่ในข่ายการก่อการร้ายลักษณะนี้ เกิดขึ้นในยุโรปหลายประเทศ เช่น ที่ฝรั่งเศส เบลเยียม เยอรมนี และสวีเดน ขณะอังกฤษเองก็เคยเกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์นี้ กรณีคนร้ายขับรถพุ่งชนฝูงชนและพยายามจะเข้าโจมตีอาคารรัฐสภาในกรุงลอนดอน เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
จึงไม่มีข้อสงสัยว่า หน่วยการข่าวและหน่วยต่อต้านก่อการร้ายของอังกฤษ มีการยกระดับแผนป้องกันและปราบปรามหรือไม่
ถึงกระนั้น ก็ยังมีช่องโหว่ให้กลุ่มก่อการร้ายและกลุ่มหัวรุนแรงใช้ก่อเหตุ
อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุสลดและสะเทือนอารมณ์ครั้งนี้ ดูเหมือนประชาคมโลกจะมีความหวังด้านความปลอดภัยจากก่อการร้ายมากขึ้น หากใช้ปฏิกิริยาของผู้นำระดับโลกเป็นเกณฑ์
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ที่ชูแผนป้องกันและปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายเป็นหนึ่งในวาระสำคัญ ประณามกลุ่มก่อเหตุว่า เป็นพวกมารชั่ว (Evil loser) ที่ต้องกำจัดให้สิ้นซาก
ขณะประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล แห่งเยอรมนี ยืนยันจะเพิ่มความร่วมมือกับอังกฤษ ด้านการป้องกันและปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายรวมทั้งกลุ่มหัวรุนแรง
นอกจากนั้น ผู้นำประเทศแนวหน้าของโลก เช่น จีน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น แคนาดา และออสเตรเลีย ล้วนแสดงเจตนาไปในทิศทางเดียวกัน
แน่นอนว่า การทำงานร่วมกันของนานาชาติ ย่อมทรงพลังกว่าการทำงาน “เชิงเดี่ยว” เฉพาะแต่ละประเทศ
ประเด็นที่ต้องลุ้นต่อไปก็คือ นานาชาติจะถ่ายทอดเจตนาสู่แผนปฏิบัติได้มากน้อยแค่ไหน
You must be logged in to post a comment Login