- อย่าไปอินPosted 1 day ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
กลับตาลปัตร
คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
สถานการณ์บ้านเมืองสัปดาห์นี้ยังคงต้องโฟกัสไปที่เรื่องความไม่สงบเรียบร้อยที่เกิดขึ้นช่วงก่อนหน้านี้ และหลังจากที่จดหมายเตือนให้ระวังการก่อการร้ายในเมืองหลวงถูกเผยแพร่ออกตามสื่อต่างๆ เชื่อว่าจะทำให้ประชาชนเกิดความหวั่นวิตกมากขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ที่ถูกกล่าวอ้างถึงน่าจะได้รับผลกระทบพอสมควร เช่น ตลาดนัด พื้นที่ที่เป็นแหล่งรวมของผู้คน ไม่เว้นแม้แต่โรงพยาบาล
จากจดหมายเตือนไม่ใช่แค่การการก่อเหตุเพื่อหวังสร้างสถานการณ์หรือดิสเครดิตอำนาจอย่างที่พูดกันก่อนหน้านี้ แต่เป็นเรื่องที่เอากันให้ตายถึงชีวิต เพราะระบุถึงวิธีก่อเหตุว่าอาจเป็นระเบิดพลีชีพหรือคาร์บอมบ์ โดยเป็นฝีมือจากกลุ่มโจรก่อความไม่สงบในภาคใต้ที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มก่อการร้ายข้ามชาติ
เรื่องแบบนี้จริงหรือไม่ไม่รู้ แต่กันไว้ดีกว่าแก้จึงเป็นเรื่องที่ฝ่ายความมั่นคงจะต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้เข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังเกิดเหตุร้ายในฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย อย่าพูดแต่เพียงว่าไทยไม่ใช่พื้นที่เป้าหมายของการก่อการร้าย
ที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งไม่ควรฉวยสถานการณ์ให้เป็นเรื่องทางการเมืองโดยให้ข่าวว่าคนที่ก่อเหตุเป็นคนแถวนี้บ้าง หรือเป็นกลุ่มอดีตนายทหารที่อิงอยู่กับอำนาจเก่าบ้าง หรือเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองฝั่งตรงข้าม เพราะการพูดแบบนี้ซ้ำๆทุกครั้งเวลาเกิดเหตุแล้วไม่สามารถจับใครมาดำเนินคดีได้ หรือคดีที่จับได้ก็กลับเป็นคนร้ายต่างชาติ เช่น กรณีระเบิดที่แยกราชประสงค์ ยิ่งทำให้ความน่าเชื่อถือของฝ่ายความมั่นคงที่ดูแลบ้านเมืองอยู่ในตอนนี้ลดลงเรื่อยๆ
เรื่องจะกลับตาลปัตรจากที่บอกว่าระเบิดการเมืองเพื่อดิสเครดิตรัฐบาลทหารคสช. จะกลายเป็นยิ่งพูดมากแต่จับตัวคนทำไม่ได้ยิ่งทำลายเครดิตตัวเอง กระทบไปถึงผลงานเด่นที่ภาคภูมิใจว่าตั้งแต่ก่อรัฐประหารเข้ามาคุมอำนาจปกครองประเทศทำให้เกิดความสงบเรียบร้อยมากที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นผลงานเด่นชิ้นโบว์แดงที่ประชาชนชื่นชอบมากที่สุด
นอกจากจดหมายเตือนก่อเหตุร้าย คำกล่าวเรื่องระเบิดการเมืองจะเป็นบูมเมอแรงย้อนกลับเข้าหาตัวเองแล้ว สถานการณ์ที่น่าติดตามคือการรักษาความปลอดภัยสถานที่สำคัญ และบุคคลสำคัญหลังจากนี้
สัปดาห์ที่ผ่านมาน่าสนใจว่าที่ทำเนียบรัฐบาลมีการยกระดับรักษาความปลอดภัยให้สูงขึ้นโดยนำกำลังรบพิเศษจากหน่วยทหารในจังหวัดลพบุรีเข้ามาวางกำลังรักษาความปลอดภัย
การใช้กำลังหน่วยรบพิเศษเข้ามารักษาความปลอดภัยศูนย์กลางอำนาจอย่างทำเนียบรัฐบาล นอกจากจะสื่อถึงการยกระดับรักษาความปลอดภัยแล้ว การนำทหารในหน่วยที่ไว้วางใจเข้ามาดูแลด้านความปลอดภัยยังจะสื่อให้เห็นถึงเรื่องราวอื่นๆได้หรือไม่
ความไม่สงบเรียบร้อยที่เกิดขึ้นกับสิ่งที่ฝ่ายความมั่นคงให้ข่าวสารต่อประชาชนกับข้อเท็จจริงเป็นเรื่องเดียวกันหรือไม่ สิ่งเหล่านี้เป็นคำถามชวนสงสัยที่กำลังรอคำตอบ
สำหรับสถานการณ์ด้านอื่นๆ แม้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ยังแสดงท่าทีกลับไปกลับมาระหว่างการยืนยันเดินหน้าตามโรดแม็พเลือกตั้งตามกำหนดกับเลื่อนเลือกตั้งออกไป หากบ้านเมืองไม่สงบ แต่หลังจากผ่านพ้นสัปดาห์นี้คงต้องติดตามร่างข้อตกลงปรองดองร่างแรกที่จะออกมาอวดสายตาประชาชนว่าจะมีเนื้อหาอย่างไร
แต่ไม่ว่าเนื้อหาของร่างสัญญาประชาคมว่าด้วยความปรองดองจะออกมาอย่างไร สถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ได้ทำลายน้ำหนักความน่าเชื่อถือของกระบวนการสร้างความปรองดองลงไปมาก ทั้งจากเรื่องความไม่สงบเรียบร้อย และความไม่แน่นอนของกำหนดการเลือกตั้ง
สถานการณ์ขณะนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นสถานการณ์ของการกลับตาลปัตร เป็นสถานการณ์ของการขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่แต่พอเหลาลงไปกลายเป็นบ้องกัญชา เป็นสถานการณ์ที่ส่อว่าจะสูญเปล่า เสียของ
You must be logged in to post a comment Login