- อย่าไปอินPosted 1 day ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
ไม่กลัวอำนาจรัฐ
คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
ยังจำเหตุระเบิดที่หน้าห้องวงษ์สุวรรณภายในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าได้หรือไม่
หลังเกิดเหตุมีความเคลื่อนไหวคึกคักในการตามล่าตัวคนร้าย โดยมีข่าวว่าได้นำตัวผู้ต้องสงสัย 40-50 คนมาสอบปากคำ ผู้มีอำนาจบางคนชี้มือว่าคนทำไม่ใช่ใคร อยู่แถวๆนี้ บางคนก็ว่าใช้วิธีการว่าจ้างให้คนเอาไปวาง และต่างมั่นใจว่าสามารถจับคนร้ายได้แน่
แต่ผ่านมาหลายวันก็ยังจับตัวไม่ได้
จับไม่ได้ไม่เท่าไหร่ แม้หลังเกิดเหตุจะมีการยกระดับรักษาความปลอดภัย หน่วยงานด้านความมั่นคงทำงานกันอย่างแข็งขันเต็มที่มากขึ้น แต่เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา ก็ยังตรวจพบระเบิดชนิดไปป์บอมบ์มาทิ้งไว้บริเวณสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินศูนย์วัฒนธรรม
เป็นระเบิดที่พร้อมใช้งานและมีอำนาจการทำลายล้าง
ฝ่ายความมั่นคงสันนิษฐานว่าระเบิดที่คนร้ายใช้เตรียมก่อเหตุ โดยเอามาซุกซ่อนไว้ หรือไม่ก็เอามาทิ้งไว้เพราะเกรงถูกจับได้
ไม่ว่าจะซุกไว้เตรียมก่อเหตุ หรือทิ้งไว้เพราะเกรงถูกจับได้ แต่ประเด็นที่น่าสนใจอยู่ที่ระเบิดที่ตรวจพบใกล้กับสถานนีรถไฟใต้ดินศูนย์วัฒนธรรมนั้น มีความแตกต่างจากเหตุระเบิดที่ หน้าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลหลังเก่า ถนนราชดำเนิน แตกต่างจากระเบิดที่หน้าโรงละครแห่งชาติ และ แตกต่างจากที่ระเบิดในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
ทั้งนี้ เนื่องจากระเบิดที่ตรวจสอบภายในประกอบด้วยวัสดุเหล็ก บรรจุดินดำ และจุดชนวนด้วยสายจุดชนวน ในขณะที่ระเบิดที่พบใน 3 จุดก่อนหน้านี้ ใช้อาร์ซีไทม์เมอร์เป็นตัวจุดชนวน
ความแตกต่างนี้บ่งบอกอะไรได้บ้าง
ความแตกต่างนี้อาจบ่งบอกถึงกลุ่มคนทำระเบิดว่าอาจเป็นกลุ่มเดียวกันหรือคนละกลุ่มก็ได้
ความแตกต่างนี้อาจบ่งบอกถึงเป้าหมายของกลุ่มเจ้าของระเบิดจากที่ทำเพื่อสร้างสถานการณ์ป่วนแค่ให้มีเสียงดังเท่านั้น ไม่หวังผลถึงทำลายชีวิตทรัพย์สินยกระดับขยายผลมาเป็นการหวังผลถึงทำลายชีวิตทรัพย์สิน
ยิ่งสันนิษฐานว่าคนร้ายนำมาซุกไว้เตรียมก่อเหตุ หรือนำมาทิ้งไว้เพราะเกรงถูกจับได้ ยิ่งน่าเป็นห่วงว่าแล้วเป้าหมายที่แท้จริงที่จะใช้ก่อเหตุคือที่ไหน
แรงจูงใจของการก่อเหตุแม้จะวิเคราะห์กันไปในหลายแง่มุม แต่ค่อนข้างชัดเจนประการหนึ่งว่าเป็นแรงจูงใจทางการเมือง แต่ไม่แน่ชัดนักว่าเป็นการเมืองข้างนอกกลุ่มอำนาจหรือการเมืองภายในกลุ่มอำนาจด้วยกันเอง
แม้รองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบดูแลงานด้านความมั่นคงโดยตรงอย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยืนยันว่าเหตุระเบิดจะไม่ลาม ไม่เกิดในลักษณะป่วนเมือง
แต่เมื่อพิจารณาจากระเบิดทั้ง 3 ครั้งก่อนหน้านี้ และระเบิดที่นำไปทิ้งไว้พอทำให้เห็นเค้าลางอย่างหนึ่งว่าฝ่ายที่กระทำน่าจะยังไม่หยุด หากยังไม่บรรลุเป้าหมาย และชัดเจนว่าพร้อมท้าทายอำนาจรัฐ เพราะยังกระทำต่อเนื่อง แม้จะมีการไล่ล่าหาตัวคนทำอย่างพลิกแผ่นดินก็ตาม
จึงเป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคงที่ต้องคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินประชาชนที่ไม่ได้เข้าไปมีเอี่ยว ไม่ได้เข้าไปมีผลประโยชน์อะไรกับเสียงดังตูมตามที่เกิดขึ้น
ไม่ต้องตื่นตระหนก แต่ก็ไม่ควรประมาท
You must be logged in to post a comment Login