วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

เดือนปรองดอง

On June 5, 2017

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

สถานการณ์บ้านเมืองสัปดาห์นี้ นอกจากจะต้องติดตามความคืบหน้าการตามจับตัวคนก่อเหตุระเบิดไปป์บอมบ์ ที่ถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะไขปริศนาหลังเสียงตูมตามที่เกิดขึ้นหลายที่อย่างต่อเนื่องว่ามีแรงจูงใจมาจากอะไร ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องติดตามความคืบหน้า

สิ่งหนึ่งที่น่าจะเห็นความคืบหน้าชัดเจนคือการสร้างความปรองดองภายใต้การดำเนินงานของคณะอนุกรรมการพิจารณาบูรณาการข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ เพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง

ขณะนี้ข้อเสนอเกี่ยวกับแนวทางสร้างความปรองดองถูกเขียนขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการตรวจทานขัดเกลาภาษาและจัดเรียงหัวข้อเพื่อความสมบูรณ์ก่อนถูกส่งถึงมือ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง

ตามขั้นตอน หาก “บิ๊กป้อม” ให้ความเห็นชอบ ข้อเสนอต่างๆจะถูกส่งต่อไปยังคณะอนุกรรมการจัดทำข้อเสนอกระบวนการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ที่มี พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบกเป็นประธาน เพื่อยกร่างสัญญาประชาคมความเห็นร่วมเพื่อความสามัคคีปรองดองต่อไป

ตามเป้าหมายที่เคยประกาศกันเอาไว้ก่อนหน้านี้ ประชาชนจะได้เห็นร่างสัญญาประชาคมความเห็นร่วมเพื่อความสามัคคีปรองดองร่างแรกภายในเดือนมิถุนายนนี้

เมื่อเปิดร่างออกมาและรับฟังความเห็นแล้วจะนำกลับมาปรับปรุงตามข้อเสนอแนะ ก่อนโยนลงบนโต๊ะเพื่อให้พรรคการเมือง นักการเมือง กลุ่มการเมือง และองค์กรต่างๆ ที่ร่วมมือเข้ามาให้ข้อเสนอแนะร่วมกันลงนามในสัญญาประชาคม

แม้ยังไม่เห็นรายละเอียดร่างสัญญาประชาคมความเห็นร่วมเพื่อความสามัคคีปรองดอง แต่เชื่อว่าหลายคนคงเดาทางได้ว่าเนื้อหาในร่างสัญญาประชาคมความเห็นร่วมเพื่อความสามัคคีปรองดองนั้นจะมีหน้าตาอย่างไร ประกอบด้วยอะไรบ้าง

ที่สำคัญน่าจะเดาได้ว่านักการเมือง พรรคการเมือง กลุ่มการเมืองจะร่วมลงนามในร่างสัญญาประชาคมความเห็นร่วมเพื่อความสามัคคีปรองดองที่ว่านี้หรือไม่

สำคัญไปกว่านั้นคือน่าจะเดาได้ว่าเนื้อหาที่ปรากฏภายในร่างสัญญาประชาคมความเห็นร่วมเพื่อความสามัคคีปรองดองจะถูกนำมายึดถือปฏิบัติร่วมกันของนักการเมือง พรรคการเมือง กลุ่มการเมืองหรือไม่ เมื่อดูจากการเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์ กลุ่ม กปปส.ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

หากเปรียบการทำร่างสัญญาประชาคมความเห็นร่วมเพื่อความสามัคคีปรองดองเหมือนการถ่ายทำภาพยนตร์สักเรื่อง แม้จะถ่ายทำเสร็จแล้วอยู่ระหว่างการตัดต่อการลงเสียงประกอบยังไม่ทันได้ฉายหนังตัวอย่างให้ประชาชนได้ดู

แต่ประชาชนก็เดาทางถูกแล้วว่าหนังปรองดองเรื่องนี้มีตอนจบอย่างไร จะจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งหรือจบแบบวุ่นวายขายปลาช่อนจนถูกผู้กำกับใช้เป็นข้ออ้างขอเวลาสร้างภาคต่อตอนที่สองตอนที่สามต่อไป

สรุปการสร้างหนังปรองดองครั้งนี้ ทั้งผู้อำนวยการสร้าง ผู้กำกับ ไม่มีอะไรจะเสีย มีแต่ได้ เพราะถ้าได้ร่างสัญญาประชาคมความเห็นร่วมเพื่อความสามัคคีปรองดองออกมาแล้ว นักการเมือง พรรคการเมือง กลุ่มการเมืองไม่ลงนาม ทีมผู้สร้าง ผู้กำกับก็ลอยตัวสามารถชี้หน้ากล่าวโทษได้ว่าบ้านเมืองไม่มีความสงบสุข ไม่มีความสามัคคีปรองดองเพราะคนเหล่านี้ไม่เกี่ยวกับ “กองทัพ” แถมยังอาจนำไปขยายผลใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้อีกในยามจำเป็น


You must be logged in to post a comment Login