‘6ล้านไลค์’หลอน

• Tweet
• 

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

ไม่น่าเชื่อว่ากรณีเฟซบุ๊ก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่แฟนเพจกดติดตาม 6 ล้านไลค์จะถูกยกมาเป็นประเด็นทางการเมือง

ไม่น่าเชื่อว่าความชอบของประชาชนที่มีให้กับนักการเมืองหญิงคนหนึ่งที่เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีจะไปสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับผู้ชายอกสามศอก

ไม่ว่าจะเป็นประโยคที่ว่า “ผมไม่ได้บอกว่าประชาชนจะต้องมาไลค์ทั้ง 6 ล้านคน มันไม่ใช่ จะกี่ล้านคนไม่รู้ จะคนเดียวหรือ 10 คน ผมก็รับฟัง มี 100 คนก็รับฟัง 100 คน”

ไม่ว่าจะเป็นประโยคที่ว่า “อย่าไปเป็นเครื่องมือของใคร สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือเรื่องการทำโพล การกดไลค์ ที่มีการจับชาวต่างชาติจากที่จังหวัดสระแก้วที่มีการรับจ้างกดไลค์”

ไม่ว่าจะเป็นประโยคที่ว่า “ใครก็ทำได้ อยู่ที่ประชาชนจะเชื่อแค่ไหน ระหว่างกดไลค์กับผลการปฏิบัติ”

ทั้งหมดคือท่วงท่าอันเป็นปฏิกิริยาตอบสนองต่อยอด 6 ล้านไลค์ของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.

แม้บางครั้งจะไม่ได้เอ่ยชื่อถึง อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยตรง เป็นเพียงการเปรียบเปรยกระแหนะกระแหน แต่คนที่ได้ติดตามข่าวสารเรื่องนี้ก็เข้าใจได้ และเข้าใจตรงกันว่าเป็นการพูดที่สะท้อนออกมาจากจิตใต้สำนึก

จิตใต้สำนึกที่ไม่เชื่อว่าจะมีคนกดไลค์มากถึง 6 ล้านจริง

จิตใต้สำนึกที่เชื่อว่าอาจมีการรับจ้างกดไลค์ โดยโยงเข้ากับการจับกุมแก๊งชาวจีนที่รับจ้างกดไลค์ กดแชร์เพจรีวิวสินค้าที่ขายในประเทศจีน

ไม่ว่าใครจะคิดอย่างไร แต่พัฒนาการเพิ่มยอดไลค์เพจของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ถือว่าน่าสนใจ

จากจุดเริ่มต้นเปิดเพจช่วงหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปี 2554 ขณะนั้นมียอดไลค์เพจ อยู่ที่ 157,489 และมียอดไลค์เพิ่มมาขึ้นเรื่อยๆ จนหลังรัฐประหารกลางปี 2557 ทำให้ยอดกดไลค์เพจอดีตนายกฯมีมากขึ้นตามลำดับจนยอดครบ 4 ล้านไลค์ช่วงเดือนมิถุนายน 2558 และเพิ่มเป็น 5 ล้านไลค์ในช่วงเดือนเมษายน 2559

จนกระทั่งครบ 6 ล้านไลค์เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2560 ที่ผ่านมา

เป็นพัฒนาการตามลำดับ เป็นพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ถามว่าผิดปรกติหรือไม่

มองมุมหนึ่งก็คิดได้ว่าอาจมีเรื่องผิดปรกติ เพราะตั้งแต่หลังถูกยึดอำนาจจากกองทัพ ยอดไลค์แฟนเพจเพิ่มขึ้นปีละ 1 ล้านไลค์โดยเฉลี่ย ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบตัวเลขกับนักการเมืองคนอื่นที่เปิดเพจเฟซบุ๊กให้ประชาชนกดติดตามเหมือนกันที่ตัวเลขการติดตามกดไลค์ค่อนข้างนิ่ง มีขยับเพิ่มขึ้นบ้างแต่ไม่มาก

ถามว่าผิดปรกติหรือไม่

มองมุมหนึ่งก็คิดได้ว่าไม่ผิดปรกติ หากพิจารณาสถานการณ์บ้านเมือง สถานการณ์การเมือง ที่ผลักดันให้ประชาชนโหยหาคนที่คิดว่าน่าจะช่วยแก้ปัญหาต่างๆให้ได้

ต้องไม่ลืมว่าหลังถูกยึดอำนาจน.ส.ยิ่งลักษณ์เลือกที่จะโลว์โปรไฟล์ตัวเอง ไม่เคลื่อนไหวทางการเมือง ไม่แสดงความคิดเห็นทางการเมือง (มีบ้างแต่ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับนักการเมืองคนอื่น) สิ่งที่สื่อสารกับประชาชนผ่านหน้าเพจมีแต่การเดินทางทำบุญไหว้พระ ไปที่ไหน รับประทานอะไรเสียเป็นส่วนมาก

แต่ข่าวสารจากสื่ออื่นที่นำเสนอในลักษณะเป็นผู้ถูกกระทำตลอดเวลาทั้งเรื่องคดีความทางอาญา การเมือง ความฝืดเคืองทางเศรษฐกิจ ราคาพืชผลตกต่ำ กลับเป็นแรงผลักให้ประชาชนให้ความสนใจต่ออดีตนายกรัฐมนตรี

ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรมาก ไม่ได้พูดอะไรมาก แต่คนกลับให้ความสนใจมาก

จึงทำให้อีกคนที่คิดว่าทำงานเหนื่อยแทบตาย แต่ประชาชนกลับเมินเฉยจึงเกิดอาการ “หัวร้อน” อย่างที่เห็น เพราะ 6 ล้านไลค์ไม่ได้หลอนเฉพาะปัจจุบัน แต่จะตามหลอนไปถึงตอนเลือกตั้งด้วย

You must be logged in to post a comment Login