วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

หวังดีจนเป็นง่อย? / โดย พระพยอม กัลยาโณ

On June 19, 2017

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม
ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

คุณนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พรรคเพื่อไทย เสนอแนะรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องแก้กฎหมายคุ้มครองเด็ก ให้รางวัลพลเมืองดีที่แจ้งเบาะแสหรือ พร้อมกำหนดบทลงโทษผู้พบเห็นเด็กต้องการความช่วยเหลือแต่ไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ เป็นข้อเสนอแนะให้ผู้บริหารประเทศออกกฎหมายคุ้มครองเด็กและชักชวนให้ช่วยเป็นหูเป็นตาช่วยเจ้าหน้าที่ ไม่ให้เด็กโดนทารุณกรรม

การทารุณกรรมไม่ใช่แค่เด็ก มีทั้งคนชราและสตรี แม้แต่น้องเณร เรื่องนี้ถ้าประชาชนไม่เพิกเฉยดูดาย ช่วยเป็นหูเป็นตา มีความเมตตากรุณาสงสารก็จะทำให้เด็กไม่ถูกทำทารุณ อยู่รอดปลอดภัย มีความผาสุกตามสมควรแก่อัตภาพ ถ้าสังคมไม่เพิกเฉยดูดาย สังคมก็จะน่าอยู่

อย่างเมื่อไม่นานมานี้ อาตมาดูคลิปเด็กกำลังจมน้ำต่อหน้าคนจำนวนมากที่เล่นน้ำ ซึ่งเขาบอกว่านึกว่าเด็กว่ายน้ำเล่น ทั้งที่คลิปเห็นชัดว่าเด็กกำลังจมน้ำจะตายมิตายแหล่ ยังมาบอกว่านึกว่าเด็กว่ายน้ำเล่น เรียกว่าสังเกตสังกาต่ำเหลือเกิน ไม่เอาใจใส่ช่วยดูแล เพิกเฉยดูดาย ปล่อยให้เด็กถูกทารุณกรรม

ก็หวังว่าต่อแต่นี้ไปเด็กไทยจะได้รับการดูแลที่ดีขึ้น ไม่ใช่ถูกเฆี่ยน ถูกตี ถูกขังในห้องจนตาย ตายแล้วยังเอาไปถ่วงน้ำอีก ช่างใจดำใจร้ายอำมหิตเหลือเกิน จึงต้องเอากันจริงๆแล้วล่ะคนที่ทารุณเด็ก ทารุณคนแก่ ผัวแก่เมียแก่ที่เป็น “ผีเน่ากับโลงผุ” เมียขี้เหล้า ผัวขี้โมโห ขี้ยา คนหนึ่งตาย คนหนึ่งติดคุก ถ้าศีลธรรมไม่กลับมามันก็เป็นอย่างนี้

พูดถึงดูแลเด็กควบคุมเด็กก็อย่าไปสุดโต่ง ใช้แรงงานอย่างป่าเถื่อน แรงงานนรก อย่างนี้ไม่ได้ เพราะมีเด็กกลุ่มหนึ่งต้องช่วยพ่อแม่ทำมาหากิน แม้เด็กเหน็ดเหนื่อยเหงื่อไหลไคลย้อย แต่ก็มีความสุขที่ได้ช่วยพ่อแม่หาเงินมาจุนเจือ เด็กเต็มใจ แต่ไม่ใช่เข้าข่ายทรมานเด็กทารุณเด็ก ที่วัดอาตมาบอกได้เลยว่า เด็กคนไหนถูกทารุณกรรม พ่อแม่ไม่อยากเลี้ยงดู ให้มาอยู่ที่วัดดู เขาจะรอดจากเงื้อมมือการทารุณของพ่อแม่แท้ๆ หรือพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงที่ไม่เป็นพ่อแม่ที่ดีของบุตร แต่เป็นไพรีของบุตร เป็นศัตรูของบุตร

เด็กที่ถูกทารุณกรรมจึงมีมากขึ้น แรงขึ้น บ่อยขึ้น ถ้าไม่มีกฎหมายอะไรมาปรามกันบ้าง เดี๋ยวนี้ผลไม้ยังต้องมีการแพ็กกิ้ง มีซีลไม่ให้แมลงวันตอม กฎหมายก็ต้องซีลไม่ให้เด็กถูกผู้ใหญ่ทารุณจนตายหรือตีจนหัวกระโหลกยุบ ต้องทำอย่างที่คุณนพดลบอก แต่อย่าลืมการฝึกเด็ก ให้เด็กช่วยตัวเองได้ในอนาคต เอาความปรารถนาดีความหวังดีเป็นที่ตั้ง หรือไม่เป็นคนแก่ที่สิ้นไร้ไม้ตอก แต่ไม่ใช่ช่วยแบบอวิชชาหรือตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ อย่างที่นายกรัฐมนตรีบอกว่าอยากช่วยคนยากจน ช่วยให้คนมีบ้าน ก็ต้องไม่ให้มีบ้านแล้วเอาไปจำนำ เอาไปกินเหล้าเมายา

ความปรารถนาดีต้องมีปัญญากำกับ อย่าให้เป็นอวิชชา ปรารถนาดีช่วยเด็กก็ไม่ใช่ทำให้เด็กเป็นง่อย ทำให้หมดทุกอย่าง ต้องให้เด็กรู้จักช่วยตัวเองจะได้ไม่กลายเป็นคนแก่อนาถา ไม่มีเงินออมเงินเก็บอะไรเลย อย่าหวังดีจนกลายเป็นง่อยกันไปทั้งบ้านทั้งเมือง

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login