- ปีดับคนดังPosted 34 mins ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 1 day ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 2 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 3 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 6 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 7 days ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 1 week ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
ซาอุฯเปลี่ยนไป? / โดย ณ สันมหาพล
คอลัมน์ : โลกไม่หยุดนิ่ง
ผู้เขียน : ณ สันมหาพล
เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน พระราชโอรสองค์รองของกษัตริย์ซัลมาน เป็นผู้ริเริ่มแผนการเปลี่ยนแปลงประเทศที่ประกาศมาตั้งแต่เดือนเมษายนปีที่แล้ว ทำให้ซาอุดีอาระเบียกำลังเปลี่ยนไปเป็นประเทศ global investment powerhouse หรือศูนย์รวมพลังการลงทุนโลก ต่อไปใครจะลงทุนโครงการใหญ่และสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นโครงการภาครัฐหรือเอกชนจะต้องไปที่ซาอุฯเพื่อระดมเงินกู้และเงินลงทุน
ซาอุฯจะเป็นผู้นำกลุ่มเศรษฐกิจคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (GCC) โดยมีประเทศสมาชิกคือ บาห์เรน คูเวต โอมาน กาตาร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งจะเป็นกลุ่มเศรษฐกิจที่มีกำลังซื้อมากที่สุดกลุ่มหนึ่งในโลก จะทำให้ประเทศอาหรับเป็นตลาดซื้อขายที่ใหญ่และสำคัญของโลก โดยเฉพาะการซื้อขายออนไลน์ที่นับวันจะเติบโตและมีชาวอาหรับซื้อขายเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง เพราะการซื้อขายผ่านออนไลน์นั้นเปิดโอกาสให้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงโดยไม่จำเป็นต้องเห็นหน้ากัน ผู้หญิงซาอุฯออกมาทำงานนอกบ้านมากขึ้น เป็นนักบริหารที่โดดเด่นในหลายองค์กรสำคัญ
จึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้ค้าออนไลน์ชาวอาหรับจำนวนมากเป็นผู้หญิงเหมือนในซาอุฯ ซึ่งกลายเป็นตลาดการซื้อขายขนาดใหญ่และสำคัญ มีผู้ประกอบการชั้นเลิศทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ทำให้ซาอุฯขณะนี้ได้รับความสนใจอย่างมากในฐานะศูนย์กลางการค้าที่เชื่อมกับทวีปเอเชีย ยุโรป และแอฟริกา ครอบคลุมการขนส่งทั้งทางเรือ ทางอากาศ และทางบก ขนาดใหญ่มาก
ส่วนการส่งออกน้ำมันที่เคยมีบทบาทอย่างมากนั้น ซาอุฯจะเปลี่ยนเป็นการส่งออกสินค้าทองคำ แร่ฟอสเฟต และแร่ยูเรเนียมแทน ซึ่งเป็นเรื่องเศรษฐกิจ ทางการเมืองของซาอุฯก็มีวิสัยทัศน์ชัดเจนว่าจะมีการปกครองเช่นประเทศพัฒนาแล้ว คือมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข จะมีการปรับโครงสร้างการปกครอง รัฐบาลจะค่อยๆลดสวัสดิการต่างๆที่ปัจจุบันให้เปล่าแก่ประชาชนทั้งน้ำมัน น้ำประปา และไฟฟ้า ลดขนาดกระทรวง ทบวง กรม ให้สอดคล้องกับงานที่ทำ รวมทั้งลดเงินเดือนข้าราชการและผลประโยชน์ต่างๆ
ที่สำคัญรัฐบาลจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการค้าการลงทุน โดยจะทยอยขายหุ้นรัฐวิสาหกิจ ซึ่งที่ผ่านมาได้ขายหุ้นไปแล้วร้อยละ 5 ในบริษัทน้ำมันดิบแห่งชาติ Aramco ที่ดูแลกิจการน้ำมันดิบนับตั้งแต่ถูกค้นพบเมื่อเกือบ 80 ปีที่แล้วที่ถือเป็นบริษัทคู่บ้านคู่เมือง
การดำเนินงานตามแผนวิสัยทัศน์ดังกล่าวจะเห็นความชัดเจนเมื่อมีการก่อสร้างเมืองเศรษฐกิจ King Abdullah Economic City ซึ่งเป็นเมืองขนาดใหญ่มากริมทะเลแดง โดยไม่เกี่ยวกับน้ำมัน เพราะซาอุฯไม่พึ่งน้ำมันดิบก็อยู่ได้ เนื่องจากเมืองเศรษฐกิจแห่งนี้ทุกอย่างล้วนทันสมัยและใช้เทคโนโลยีชั้นสูง
ส่วนจะเอาใครมาทำงานนั้น คำตอบคือ คนหนุ่มสาวซาอุฯรุ่นใหม่ที่อีกไม่นานจะมีจำนวนถึงร้อยละ 65 ของประชากรทั้งหมด จึงไม่ต้องวิตกเรื่องแรงงาน คนหนุ่มสาวเหล่านี้จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคใหม่ของซาอุฯ นอกจากจะเป็นคนรุ่นเดียวกันแล้ว ยังมีความคิดทันโลก โดยเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมามีการจัด MiSK Global Forum ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ในกรุงริยาด ซึ่งไมโครซอฟท์ตระเวนจัดทั่วโลกเพื่อแสดงผลงานและให้นักวิทยาการชั้นสูงใช้เป็นสถานที่พบปะพูดคุยกัน
การจัดงานครั้งนี้ทำให้เห็นว่าชายหญิงชาวซาอุฯที่ต่างแยกกันเวลาอยู่ข้างนอก แต่เมื่อเข้าไปในงานต่างแสดงความสนิทสนมใกล้ชิด รวมทั้งการแลกนามบัตร ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้ในอดีต เพราะถือเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังแต่งกายแบบอาหรับทันสมัยที่กำลังเป็นกระแสเวลาออกงาน
ความเปลี่ยนแปลงของซาอุฯยังเห็นได้จากตัวเลขนักศึกษาที่ไปศึกษาในต่างประเทศมีมากถึง 180,000 คน โดยทุกคนได้รับทุนพระราชทานจากอดีตกษัตริย์อับดุลลาห์ที่ทรงริเริ่มโครงการตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งคนหนุ่มสาวเหล่านี้คือมันสมองที่จะผลักดันประเทศอิสลามแห่งนี้ให้ก้าวไกลในโลก
ส่วนจะก้าวไกลแบบไหนต้องย้อนกลับไปอ่านพระดำรัสของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ที่ว่า “วิสัยทัศน์ของพวกเราคือ การเห็นประเทศยอมรับความแตกต่าง มีศาสนาอิสลามเป็นรัฐธรรมนูญ และรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา”
You must be logged in to post a comment Login