- ต้องมีก้างขวางคอไว้บ้างPosted 10 hours ago
- ส.ว.ต้องสร้างผลงานเชิดชูองค์กรPosted 2 days ago
- รอความจริงเปิดเผยPosted 5 days ago
- ไม่ประมาท โอกาสรอดมีเยอะPosted 5 days ago
- ล้างบางพระทาสยานรกPosted 6 days ago
- ยิ่งดิ้น ยิ่งจมPosted 1 week ago
- ไม่มีอะไรแน่นอนPosted 1 week ago
- ต้องเรียนวิชาป้องกันตัวเองPosted 2 weeks ago
- ยิ่งเรียน ยิ่งโง่ ยิ่งโต ยิ่งเซ่อPosted 2 weeks ago
- สื่อต้องเสนอข่าวสร้างสรรค์Posted 2 weeks ago
‘เรื่องไม่กล้วย’ของกล้วยจีน-ลาว
เมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว ประเทศลาวไฟเขียวให้นักธรกิจจีนเข้ามาเช่าที่ดินทำสวนกล้วยส่งออก ถือเป็นหนึ่งในมาตรการหารายได้เข้าประเทศ และสร้างงานให้คนท้องถิ่น
ระยะแรก สถานการณ์เป็นไปตามจุดประสงค์ของลาว โดยไม่มีผลข้างเคียง ภาครัฐมีรายได้เข้าคลัง ชาวบ้านได้ค่าเช่าที่ดิน และมีรายได้จากการรับจ้างเป็นคนงานไร่กล้วย
ขณะนักลงทุนจีนก็ประสบความสำเร็จ จากการส่งออกกล้วยไปตีตลาดจีน ทำให้มีบริษัทจีนเข้ามาเช่าที่ทำไร่กล้วยเพิ่มขึ้น
ทำเลที่นักธรกิจจีนเช่าพื้นที่ในลาว อยู่ในเขตภาคเหนือและกลาง ประกอบด้วยแขวง (จังหวัด) บ่อแก้ว พงสาลี หลวงพระบาง ไซยะบูลี (ไชยบุรี) หลวงน้ำทา อุดมไซ บอลิคำไซ และเวียงจันทน์ มีพื้นที่รวมกันหลายแสน ไร่
บ่อแก้ว ซึ่งอยู่ในภาคเหนือ เป็นแหล่งปลูกใหญ่ที่สุด รวมพื้นที่ปลูกประมาณ 60,000 ไร่ ตามด้วยอุดมไซ มีพื้นที่ปลูกประมาณ 30,000 ไร่
กล้วยพันธุ์ที่บริษัทจีนนิยมปลูก ได้แก่ กล้วยหอมคาเวนดิช (Cavendish) ซึ่งเป็นกล้วยหอมยอดนิยมของโลกพันธุ์หนึ่ง และตลาดรองรับผลผลิตที่สำคัญ คือ ประเทศจีน
สูตรพื้นฐานของการทำไร่เชิงพาณิชย์ คือ ผลผลิตต้องสมบูรณ์ ลูกใหญ่ สวย ไร้ริ้วรอย และรสชาติอร่อย
เพื่อให้ได้ผลผลิตตามสเปกดังกล่าว นอกจากดูแลรดน้ำตามหลักวิชาการแล้ว บริษัทจีนยังใช้ยาปราบแมลงศัตรูพืช ยาเบื่อหนู ยากำจัดวัชพืช และปุ๋ยเคมีอย่างเข้มข้นด้วย
ปฏิบัติการดังกล่าวกลายเป็นจุดเปลี่ยน เนื่องจากนักวิชาการและหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมพบว่า สารเคมีสะสมอยู่ในดิน และปนเปื้อนแหล่งน้ำธรรมชาติ ทำให้น้ำเป็นพิษ ปลาและสัตว์น้ำตายจำนวนมาก อีกทั้งคนงานจำนวนไม่น้อย ก็เจ็บป่วยจากสารพิษ
นอกจากนั้น บริษัทเจ้าของไร่ยังสร้างความสกปรกให้สภาพแวดล้อมเพิ่ม จากการทิ้งถุงพลาสติกบรรจุปุ๋ยและสารเคมีนับแสนชิ้น เกลื่อนพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง
กลุ่มทำวิจัยนำเสนอเรื่องนี้กดดันรัฐบาลลาวต่อเนื่อง จนกระทั่งรัฐบาลตัดสินในยกเลิกแผนให้เช่าที่ดิน และไม่ต่อสัญญาใหม่ให้ส่วนที่เช่าไปแล้ว อีกทั้งกำชับเจ้าหน้าที่สุ่มตรวจตามไร่ต่าง ๆ หากพบใช้สารเคมีต้องห้าม ให้สั่งปิดไร่ทันที
จากปฏิบัติการของบริษัทจีน ที่มองผลประโยชน์เป็นใหญ่ โดยไม่คำนึงผลกระทบต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อมดังกล่าว ทำให้เรื่องของกล้วย กลายเป็นปัญหาที่ “ไม่กล้วย” แม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวเรื่องนี้เกิดขึ้นที่ลาวประเทศเดียว
ส่วนไทย กัมพูชา และพม่า ซึ่งมีบริษัทจีนลงทุนทำสวนกล้วยเช่นกัน ยังสงบนิ่งอยู่ในความเงียบ
You must be logged in to post a comment Login