- ปีดับคนดังPosted 9 hours ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 1 day ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 3 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 3 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 7 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 1 week ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
นึกถึงเดือนรอมฎอนตอนเป็นเด็ก / โดย บรรจง บินกาซัน
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
เดือนรอมฎอนปีฮิจญ์เราะฮ์ศักราช 1438 ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม 2560 กำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 24 หรือวันที่ 25 มิถุนายนนี้ และวันถัดไปจะเป็นวันอีดุลฟิฏร์ ซึ่งเป็นวันที่มุสลิมเฉลิมฉลองการสิ้นสุดการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการประกาศของสำนักจุฬาราชมนตรี
จำได้ว่าผมเริ่มถือศีลอดเต็มวันเมื่ออยู่ชั้น ป.6 ขณะที่อายุ 12 ปี ในตอนกลางวันเพื่อนบางคนรู้ว่าผมถือศีลอดจึงแกล้งดูดน้ำอัดลมเย็นๆยั่วยวนผม บางคนก็ลองใจซื้อน้ำเลี้ยงผม แต่เมื่อผมปฏิเสธแม้จะถูกคะยั้นคะยออย่างไรก็ตาม จึงทำให้เพื่อนรู้จักและรู้ใจผมมากขึ้น
หลังเลิกเรียนกลับถึงบ้าน แม่เตรียมอาหารละศีลอดไว้บนโต๊ะ โดยมีพ่อและน้องๆนั่งอยู่รอบๆรอเวลาละศีลอดร่วมกัน เมื่อใกล้เวลาแม่ตัดแตงโมเนื้อทรายใส่ชามแก้วใบใหญ่แล้วเอาน้ำแข็งทุบโรยข้างบน หลังจากนั้นก็เอาน้ำหวานสีแดงราดลงไปต่อหน้าต่อตาเราที่คอกำลังแห้งผาก แต่ยังกินไม่ได้เพราะยังไม่ถึงเวลา มันช่างเป็นการฝึกเราให้อดกลั้นต่อสิ่งเย้ายวนจริงๆ
เมื่อดวงอาทิตย์ลับฟ้าบอกเวลาละศีลอด เรากินแตงโมแช่น้ำแข็งใส่น้ำหวานกันอย่างเอร็ดอร่อยและมีความสุข พ่อมักอ้างคำพูดของมหาตมะ คานธี มาสอนเราว่า ความหิวคือผงชูรสที่ดีที่สุด แต่ในหนังสืออิสลามนบีมุฮัมมัดกล่าวว่า ผู้ถือศีลอดจะมีความสุขใน 2 วาระโอกาส โอกาสแรกคือเมื่อตอนละศีลอด และโอกาสที่สองคือเมื่อตอนที่เขาพบพระเจ้า
ผมได้รับความสุขในโอกาสแรกทุกครั้งที่ละศีลอด และทุกคนก็ได้รับโอกาสนี้ถ้าถือศีลอด แต่โอกาสที่สองยังคงต้องรอและไม่รู้ว่าต้องรอนานเท่าใด เพราะต้องกลับไปหาพระเจ้าก่อน เมื่อพบแล้วจะได้รับความสุขหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับว่าผมอดกลั้นต่อสิ่งที่พระเจ้าห้ามได้หรือไม่ ถ้าผมอดกลั้นได้ผมก็จะได้รับความสุขยิ่งกว่าเมื่อตอนที่ผมละศีลอดในโลกนี้ ถ้าใครถือศีลอดโดยไม่เข้าใจ กล่าวคือ ระหว่างถือศีลอดสามารถงดเว้นจากสิ่งจำเป็นเช่นข้าวและน้ำได้ แต่หลังการถือศีลอดแล้วไม่อาจงดเว้นจากสิ่งต้องห้ามได้ โอกาสได้รับความสุขเมื่อพบพระเจ้าก็คงไม่มี
การถือศีลอดถือเป็นความเมตตาอย่างหนึ่งของพระเจ้าที่ทรงจัดหลักสูตรฝึกอบรมจิตวิญญาณของมนุษย์เพื่อความสุขในวาระโอกาสที่สอง
เมื่ออยู่ ม.ศ.3 ผมเห็นเพื่อนเล่นกีตาร์และเกิดความหลงใหลตามประสาวัยรุ่นจึงอยากเล่นกีตาร์ได้บ้าง แต่ไม่มีกีตาร์เป็นของตัวเอง ถ้าจะขอเงินพ่อก็คงยากที่จะได้ เพราะพ่อจะให้เงินเฉพาะที่จำเป็นต่อการศึกษาเท่านั้น หากจะได้อะไรนอกจากนั้นก็ต้องหาเอาเอง
ผมจำคำพูดของครูอาสาสมัครชาวอเมริกันที่มาสอนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนได้จนถึงทุกวันนี้ว่า There is will there is a way. ซึ่งมีความหมายว่า ถ้ามีความตั้งใจก็มีหนทาง คำนี้บันดาลใจให้ผมเริ่มอดอาหารกลางวันเพื่อเริ่มเก็บเงินค่าขนมไว้สำหรับซื้อสิ่งที่ตัวเองอยากได้ ระหว่างพักกลางวันขณะที่เพื่อนๆไปกินอาหารลงท้อง ผมแยกไปเข้าห้องสมุดเพื่อเติมอาหารสมอง ผมเคยถือศีลอดทั้งข้าวและน้ำตั้งแต่ก่อนดวงอาทิตย์ขึ้นจนถึงดวงอาทิตย์ตกมาแล้ว เรื่องอดแค่อาหารกลางวันเพียงมื้อเดียวจึงเป็นเรื่องเล็กสำหรับผม นี่คืออานิสงส์ของการถือศีลอด
ปีกว่าๆผมก็เก็บเงินค่าอาหารกลางวันซื้อสิ่งที่ผมต้องการได้โดยไม่ต้องรบกวนพ่อ
คืนสุดท้ายของเดือนรอมฎอนเป็นคืนที่มีความสุขมากสำหรับเด็กๆ เพราะในวันอีดุลฟิฏร์ทุกคนจะได้ใส่เสื้อผ้าตัวใหม่ ได้กินอาหารดีๆที่ทุกบ้านต่างเตรียมไว้สำหรับผู้มาเยือน แต่สิ่งที่เด็กทุกคนรอคอยคือ สตางค์แจกจากผู้ใหญ่ ในสมัยเป็นเด็กชั้นประถม เด็กคนใดได้รับเงินแจกจากผู้ใหญ่เป็นแบงก์หนึ่งบาทก็เก็บอารมณ์ดีใจแทบไม่อยู่แล้ว
แต่สำหรับผู้ใหญ่หลายคนมีความรู้สึกต่างกัน ส่วนใหญ่รู้สึกเสียดายที่เดือนรอมฎอนจากไป เพราะเดือนนี้เป็นเดือนที่สงบ เป็นเดือนแห่งการอภัยโทษ เดือนแห่งการเพิ่มพูนผลบุญ ผู้ใหญ่จึงมักวิงวอนขอต่อพระเจ้าให้ตัวเองมีอายุยืนยาวถึงเดือนรอมฎอนในปีหน้า
รุ่งเช้าเวลาเฉลิมฉลองที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง มุสลิมทั้งหญิงและชายจะไปรวมตัวกันที่มัสยิด ไม่มีเสียงดนตรี ไม่มีเสียงจุดพลุหรือประทัด แต่จะมีเสียงประกาศกึกก้องว่า “อัลลอฮฺอักบัรฺ” เพื่อแสดงถึงความสำเร็จที่ได้ปฏิบัติตามคำบัญชาของพระเจ้าในการต่อสู้กับตัวเอง
You must be logged in to post a comment Login