วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ตลกคาเฟ่? / โดย สนานจิตต์ บางสพาน

On June 26, 2017

คอลัมน์ : สากกะเบือยันเรือรบ
ผู้เขียน : สนานจิตต์ บางสพาน

กรณี “ไอ้น้อย” หรือ “วิทยา แก้วภราดัย” อดีตแกนนำ กปปส. ออกมาแฉเรื่อง “ซื้อขายตำแหน่ง” ในการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับสัญญาบัตรในภาคใต้หรือภูธรภาค 8 กำลังฮือฮา รายการวาไรตี้โชว์ของ “เสี่ยตา” กับ “เสี่ยจิก” รวมทั้งครีเอทีฟที่ปั่นรายการ “หน้ากากนักร้อง” ต้องอึ่งทึ่งเสียวและใบ้กิน เพราะเป็นการครีเอทที่สั่นสะเทือนวงการ “ตลกคาเฟ่” ชนิด “หม่ำ-เท่ง-โหน่ง” แทบจะต้องเปลี่ยนอาชีพ

เอาว่าถ้า “พี่ปั่น-ไว ตาทิพย์” อดีตนักข่าวสายตำรวจอาวุโสเจ้าของคอลัมน์ “ไว ตาทิพย์” และนิตยสารข่าวอาชญากรรมและตำรวจ ยังไม่ขี้เกียจหายใจ แกคงหัวเราะแบบสำลักวิสกี้ที่กระดกเข้าปาก ไล่มาถึง “นายดาบเคน” ยัน “ใบ บางบอน” อดีตนักข่าวสายตำรวจและคอลัมนิสต์ชื่อดัง ญาติห่างๆ “ท่านขุนน้อย” ที่ซี้อดีตผู้การสันติบาลชนิดเข้านอกออกในห้องทำงานได้ หรือขาใหญ่ “ข่าวตำรวจ” ทั้งที่ไปแล้วและยังหายใจอยู่ เห็นข่าวเปิดโปงนี้ของ “อดีตสหายเก่า” ที่มาเอาดีเป็น “นักการเมืองอาชีพ” ถ้าไม่ปรบมือให้ก็ต้องซื้อพวงมาลัยเหน็บแบงก์ใบละพันคล้องคอ “ไอ้น้อย” แบบ หัวเราะน้ำตาเล็ดน้ำตาร่วง

คนวงนอกให้ย้อนไปอ่านข่าวการย้าย “จ่าเพียร” ที่ขอกลับไปใช้ชีวิตปีสุดท้ายก่อนเกษียณอายุราชการที่จังหวัด ตรังบ้านเกิด ทั้งที่ “นาย” รับปากแล้ว แต่พอถึงเวลา “จ่าเพียร” กลับได้ติดยศในโลง เพราะโดนนักการเมือง “ขาใหญ่” โยกคนของตัวเองเสียบแทน นักการเมืองคนนั้นว่ากันว่าโอเลี้ยงแก้วเดียวก็ไม่เคยเลี้ยงใคร แกเป็นเพื่อนกับ “เสาไฟฟ้า” เพราะในจังหวัดตรังแกส่ง “เสาไฟฟ้า” ลงสมัครเป็น ส.ส. ก็ต้องได้ทุกคน อยากรู้ว่าเป็นใครให้ถาม “ไอ้ปื๊ด” เพื่อนซี้ “ผู้กองเหลิม” ดู รับรองรู้จักแหงๆ

ส่วนข่าวเปิดโปงการซื้อขายตำแหน่งนายตำรวจ ใครจะเล่นใคร ใครจะเบี้ยวใคร ใครรับตังค์แล้วหายจ้อย หรือขอใครแล้วไม่ให้ อันนี้ไปถามนักข่าวที่นั่งอยู่ใน “รังนกกระจอก” ที่ บช.น. ได้ นักข่าวเหล่านี้หัวเราะกันท้องคัดท้องแข็งขนาดไหน ถือเป็นคุณูปการที่หาอะไรมาเปรียบมิได้สำหรับความปรารถนาดีต่อชาติบ้านเมืองและสำนักงานตำรวจแห่งชาติของ “ไอ้น้อย”

ที่จริง “ไอ้น้อย” น่าจะให้ข้อมูล “นายพลสีม่วง” ที่ตั้งโต๊ะกินแชร์กันออกนอกหน้า ขนาดนักข่าวสายบันเทิงอย่าง สนจ. ยังได้ยินเข้าหู ชาวบ้านร้านตลาดที่เป็นแค่ “คนเสพข่าว” อย่าได้ตื่นเต้นดีใจอะไรกับเรื่องนี้เลย มันเป็นนิยายน้ำเน่าแบบ “บ้านทรายทอง” ที่เอามาเล่าซ้ำซาก สุดแท้แต่จังหวะเวลาและใครจะซื้อลิขสิทธิ์ไปสร้าง ไม่ใช่เรื่อง “ปรารถนาดี” อะไรเลย ก็แค่ธุรกิจและผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง

เหมือนที่ “บัลซัค” กล่าวเอาไว้ “เบื้องหลังโชคมหาศาลคืออาชญากรรม”

ในอดีตสมัย สนจ. ยังเป็นเด็ก เคยวิ่งเล่นอาศัยกินข้าวอร่อยๆในบ้าน พล.ต.อ.ประยูร โกมารกุล ณ นคร ละแวกถนนลาดหญ้า คลองสาน เพราะ สนจ. สนิทกับหลานท่าน จน สนจ. ได้เป็นนักข่าวและเคยทำข่าวสายตำรวจ สมัยนั้นยังเป็นกรมตำรวจ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พอถึงฤดูแต่งตั้งโยกย้าย ท่านซึ่งครบเครื่องทั้งฝีมือ อาวุโส ความเป็นมืออาชีพที่เป็นคนมือสะอาด ปรากฏว่าโดนใครบางคนเหาะข้ามหัวและเสียบแทนตำแหน่ง ผบช.น. แต่คนดีผีคุ้ม ฟ้ามีตา แม้ท่านไม่ได้เป็น ผบช.น. แต่ได้เป็น “กรมวังผู้ใหญ่” แทน

เรื่องนี้นานเกิน 30 ปีแล้ว แต่วันนี้เรายังมี “ตลกคาเฟ่” คณะ “ไอ้น้อย ศิษย์นกหวีด” ให้ได้หัวเราะกันน้ำหูน้ำตาเล็ด… มิน่า ประเทศไทยถึงไปไม่ถึงไหนสักที เราอาจจะล้าหลังกว่าพม่าและเวียดนามในอีกไม่เกิน 5 ปีข้างหน้าก็ได้…ฮา


You must be logged in to post a comment Login