วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

สหรัฐปิดกั้น6ชาติมุสลิม

On June 28, 2017

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ใช้คำสั่งพิเศษ (Executive Order) กำหนดมาตรการคัดกรองต่างชาติที่ขอเข้าสหรัฐอย่างเข้มงวด เป้าหมายเพื่อสกัดกลุ่มก่อการร้าย ไม่ให้ “หลุดรอด” เข้าไปก่อเหตุทำลายชีวิตและทรัพย์สินภายในประเทศ

ผู้นำสหรัฐดำเนินแผนดังกล่าวอย่างรัดกุม เรียกว่า “ปิดประตูบ้าน” อย่างแน่นหนา” 2 กรณี คือ การลงนามในคำสั่งห้ามพลเมือง 6 ชาติมุสลิม เดินทางเข้าสหรัฐ รวมทั้งงดรับผู้ลี้ภัยชั่วคราว และเปลี่ยนระเบียบออกวีซ่าใหม่ โดยเพิ่มการตรวจสอบเข้มงวดขั้นสูงสุด

กรณีแรก ศาลฎีกาสหรัฐตัดสินเมื่อวันจันทร์ ที่ 26 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ให้ดำเนินการตามคำสั่งบางส่วนของทรัมป์ คือห้ามพลเมือง 6 ชาติมุสลิม ประกอบด้วยอิหร่าน ซีเรีย เยเมน โซมาเลีย ซูดาน และลิเบีย เดินทางเข้าสหรัฐชั่วคราว เป็นเวลา 90 วัน และงดรับผู้ลี้ภัยชั่วคราว เป็นเวลา 120 วัน

ทั้งนี้ พลเมือง 6 ชาติมุสลิมดังกล่าว สามารถเดินทางเข้าสหรัฐได้ โดยมีเงื่อนไขว่า “ต้องเป็นผู้มีความสัมพันธ์กับบุคคลหรือองค์กรในสหรัฐอย่างแท้จริง” หรือ “เป็นนักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนแล้วกับสถาบันการศึกษาในสหรัฐ” หรือ “ลูกจ้างที่ได้รับการจ้างงานจากกิจการในสหรัฐแล้ว”

นักวิเคราะห์มองว่า กรณี “ต้องเป็นผู้มีความสัมพันธ์กับบุคคลหรือองค์กรในสหรัฐอย่างแท้จริง” เป็นเงื่อนไขคลุมเครือไม่ชัดเจน

ส่วนกรณีหลัง คือการใช้ระเบียบออกวีซ่าใหม่ ถือเป็นประเด็นใหญ่กว่ากรณีแรก เนื่องจากเป็นกฎใช้กับทุกประเทศทั่วโลก

โดยทรัมป์ยกเลิกระเบียบเก่าที่ใช้ในยุครัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา ด้วยเห็นว่ายังคัดกรองผู้เข้าประเทศไม่รัดกุมพอ

สาระสำคัญของกติกาใหม่ ประกอบด้วยการไม่กำหนดกรอบเวลาออกวีซ่า จุดประสงค์เพื่อให้เวลาเจ้าหน้าที่ศึกษาประวัติของผู้ยื่นขอวีซ่าอย่างละเอียดรอบคอบ โดยยกเลิกมาตรการเดิม ที่กำหนดเรียกสัมภาษณ์ผู้ยื่นขอวีซ่าภายใน 3 สัปดาห์

นอกจากนั้น ยังกำหนดให้ผู้ยื่นขอวีซ่าให้ข้อมูลการใช้โซเชียลมีเดียย้อนหลัง 5 ปี และประวัติส่วนตัวย้อนหลัง 15 ปี อีกทั้งให้อำนาจเจ้าหน้าที่ขอชื่อบัญชี Facebook ผู้ยื่นขอวีซ่า และกำหนดให้ผู้ยื่นขอวีซ่าระบุสถานที่เคยเดินทางไปย้อนหลัง 15 ปี

ด้วยเงื่อนไขสุดเข้มดังกล่าว ทำให้ความหวังผู้ขอวีซ่าเข้าสหรัฐทุกอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา นักท่องเที่ยว นักธุรกิจ และอื่น ๆ เผชิญภาวะเลื่อนลอย คาดเดาไม่ได้ว่าจะได้วีซ่าเมื่อไร

สำหรับเรื่องนี้ แน่นอนว่าผู้ไม่เกี่ยวข้องกับประเทศสหรัฐ ย่อมมองปัญหาไม่ออก หรือไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหา

แตกต่างจากผู้มีภารกิจจำเป็นต้องเดินทางไปประเทศนี้ ที่มองว่า มาตรการของทรัมป์ทำให้ชีวิตยุ่งยากขึ้น 


You must be logged in to post a comment Login