- อย่าไปอินPosted 1 day ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
ลิเกหรือปาหี่?
คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
“ถ้าให้ผมฟันธง เลิกคิดไปได้เลย เพราะเห็นได้จากความขัดแย้งของกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในการตั้งกรรมาธิการร่วมเพื่อพิจารณากฎหมายลูก ดูแล้วมันเป็นละคร เหมือนลิเก มาแสดงเอาดาบ เอาไม้มาเสียบรักแร้กัน ไม่ได้แทงกันจริง ดังนั้น ผมดูแล้ว คิดว่า การเลือกตั้งยังอยู่อีกไกล และหากจะยืดเวลาเลือกตั้งออกไปมีทางเดียวคือคว่ำกฎหมายลูก เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนตรงนี้ไว้ สุดท้ายจะเป็นอย่างไรก็อยู่ที่นายกฯ”
เป็นคำกล่าวของ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อที่ทำเนียบรัฐบาลหลังไปยื่นเรื่องให้นายกรัฐมนตรีแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ
นับว่าเป็นคำกล่าวที่น่าสนใจและมีความเป็นไปได้ แม้จะมีคำยืนยันจากผู้มีอำนาจหลายครั้งว่ายังเดินตามโรดแม็พ แต่ในทุกคำยืนยันก็มักจะพ่วงต่อท้ายด้วยว่าขึ้นอยู่กับสถานการณ์
สถานการณ์ที่ว่าคืออะไร เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ หรือว่าเป็นสถานการณ์ที่สามารถใช้คนหรือกลุ่มคนสร้างขึ้นมาได้
การจะล้มหรือเลื่อนเลือกตั้งออกไปอีกตอนนี้ดูเหมือนเหลือทางเลือกประตูเดียวคือทำให้การเขียนกฎหมายลูกประกอบรัฐธรรมนูญมีปัญหาไม่ให้เสร็จทันตามกรอบเวลาอย่างที่นายนิพิฏฐ์ระบุ
จากนี้ไปสปอตไลท์ทางการเมืองจึงฉายไปที่ สนช.และกรธ.ว่ามีความเห็นแย้งกันในเรื่องกฎหมายลูกเป็นความขัดแย้งที่เกิดจากความเห็นต่างทางความคิดจริงหรือไม่ หรือว่าเป็นแค่การแสดง เป็นแค่ลิเก
อย่างไรก็ตาม นอกจากจะต้องจับจ้องดูการเขียนกฎหมายลูกประกอบรัฐธรรมนูญว่าเป็นการแสดงลิเกโรงใหญ่เพื่อสร้างสถานการณ์ให้เลื่อนเลือกตั้งอย่างที่นายนิพิฏฐ์ตั้งข้อสังเกตไว้หรือไม่ ยังต้องจับตาดูเนื้อหารายละเอียดในร่างกฎหมายลูกหลายฉบับที่มีการเสนอเนื้อหาแตกต่างไปจากหลักการที่เคยยึดถือปฏิบัติกันมา โดยเฉพาะกฎหมายเกี่ยวกับพรรคการเมืองและการเลือกตั้ง
ยกตัวอย่างเช่น ข้อเสนอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรไม่จำเป็นต้องมาจากพรรคการเมืองที่ได้เสียงข้างมากในสภา ให้เลือกใครก็ได้ที่มีความรู้ความสามารถ มีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์
ที่มีข้อเสนอเช่นนี้ อาจเป็นเพราะเล็งเห็นแล้วว่าการเลือกตั้งภายใต้กติกาใหม่จะทำให้ไม่มีพรรคใหญ่ที่ได้เสียงข้างมากอย่างเด็ดขาดในสภา ส.ส.จะเป็นเบี้ยหัวแตก พรรคใหญ่ที่ชนะเลือกตั้งจะมีเสียงไม่ทิ้งพรรคอันดับสอง สาม สี่มากนัก ทำให้ไม่มีอำนาจต่อรองมากเหมือนในอดีต
ข้อเสนอนี้ก็เป็นล้อไปกับหลักการที่ว่าพรรคที่ชนะเลือกตั้งไม่ได้สิทธิจัดตั้งรัฐบาลก่อนโดยอัตโนมัติ การจัดตั้งรัฐบาลขึ้นอยู่กับว่าใครรวบเสียงในสภาได้เกินกึ่งหนึ่งก็สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้
ความขัดแย้งระหว่างผู้ร่างกฎหมายลูกประกอบรัฐธรรมนูญที่ถูกมองว่าเป็นลิเกเพื่อล้มหรือเลื่อนเลือกตั้ง หากมองอีกแง่นี่อาจเป็นการละเล่นที่มีความลึกซึ้งมากกว่าที่เห็น อาจเป็นความขัดแย้งเพื่อให้ได้มาซึ่งกติกาตามธงที่ตั้งเอาไว้ก็เป็นได้
ได้ตามธงก็เอา ไม่ได้ตามธงก็ล้มก็เลื่อนเป็นไปได้หมด เพราะผู้มีอำนาจพูดชัดเจนแล้วว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์
You must be logged in to post a comment Login