- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 2 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 2 months ago
- โลกธรรมPosted 2 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 2 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 2 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 2 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 2 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 2 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 2 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 2 months ago
หลุมดำโรดแม็พ

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
หลังเกิดข้อครหากำลังเล่นลิเกโรงใหญ่ ทำทีว่าเกิดความเห็นต่างขัดแย้งทางความคิดเกี่ยวกับร่างกฎหมายลูกประกอบรัฐธรรมนูญ เพื่อปูทางไปสู่การคว่ำกฎหมายลูกอันจะมีผลสะเทือนไปถึงกรอบเวลาจัดเลือกตั้งที่ต้องเลื่อนออกไป ทำให้มีคำชี้แจงออกมาจากฝั่งผู้เกี่ยวข้อง
รองนายกรัฐมนตรี วิษณุ เครืองาม บอกทำนองว่าอย่าไปคิดเยอะ อย่าไปพูดให้เกิดความตื่นตระหนกแบบลมๆแล้งๆ รัฐบาลพูดมาหลายครั้งแล้วว่ายึดตามโรดแม็พที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ หากไม่ยึดตามนี้เท่ากับทำผิดรัฐธรรมนูญ
แถมให้คำแนะนำด้วยว่าหากเก่งจริงทำไมไม่คิดจะบล็อกไม่ให้กฎหมายลูกถูกคว่ำ
คำกล่าวของรองนายกฯสามารถแยกได้ 2 ส่วน
หนึ่งคืออย่าคิดเยอะ เพราะรัฐบาลยึดตามโรดแม็พ กรณีนี้ประชาชนมีบทเรียนมาแล้วจากกรณีที่ร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกถูกคว่ำ ครั้งนี้ก็เป็นการหักโรดแม็พทำผิดรัฐธรรมนูญชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะสามารถใช้อำนาจแก้ผิดให้เป็นถูกได้
เมื่อเรื่องอย่างนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วจึงไม่มีอะไรรับประกันว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก จึงเป็นเรื่องปรกติที่คนจะคิดกันไปได้ว่าการเลือกตั้งอาจถูกเลื่อนไปอีก
สองคือที่บอกว่าหากเก่งจริงทำไม่คิดบล็อกตั้งแต่ร่างกฎหมายลูกยังไม่ถูกคว่ำ คำถามคือ ประชาชนหรือแม้แต่นักการเมืองมีสิทธิมีเสียงในการพิจารณาร่างกฎหมายลูกหรือไม่ เมื่อไม่มีสิทธิมีเสียงร่วมพิจารณาจะบล็อกได้ด้วยวิธีใด
การออกมาพูดดักคอว่ากำลังมีการเล่นลิเกสร้างเรื่องเพื่อล้มกฎหมายลูกเพื่อให้ประชาชนร่วมกันเฝ้าจับตาดูจึงเป็นการบล็อกเพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยได้ทางหนึ่ง
สิ่งที่ประชาชนต้องร่วมกันจับตาดูคือในวันนี้ (30 มิ.ย.) จะมีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกันระหว่างสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กับคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อพิจารณาร่างกฎหมายลูกเกี่ยวกับ กกต.
ต้องติดตามการทำงานของคณะกรรมาธิการร่วมชุดนี้กันต่อไปว่าจะทำคลอดกฎหมายลูกเกี่ยวกับกกต.ออกมาอย่างไร
นอกจากกฎหมายลูกเกี่ยวกับกกต.แล้ว กฎหมายลูกเกี่ยวกับพรรคการเมืองเป็นอีกฉบับที่ต้องมีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกันระหว่าง สนช. กรธ. และกกต.เพราะมีปัญหาเห็นแย้งกันเรื่องไพมารีโหวต
ประเด็นคือเมื่อคณะกรรมาธิการร่วมพิจารณาร่างกฎหมายลูกแล้วส่งกลับเข้าสู่การพิจารณาของ สนช.อีกครั้งจะต้องใช้เสียง 2 ใน3 ในการลงมติเห็นชอบ หากเสียงสนับสนุนไม่ถึง 2ใน 3 จะทำให้ร่างกฎหมายลูกนั้นตกไป ต้องไปเขียนมาใหม่
หากเกิดกรณีนี้จะทำให้เกิดสุญญากาศเพราะรัฐธรรมนูญกำหนดแต่หน้าที่การร่างกฎหมายและกรอบเวลาที่ต้องทำให้เสร็จเอาไว้เท่านั้น แต่ไม่ได้เขียนรองรับหากเกิดอุบัติเหตุร่างกฎหมายลูกฉบับหนึ่งฉบับใดไม่ผ่านการพิจารณาเห็นชอบจาก สนช.ว่าหากเกิดกรณีเช่นนี้จะทำอย่างไรต่อไป
จะให้กรธ.ทำการยกร่างกฎหมายลูกใหม่หรือไม่หรือว่าต้องเป็นหน้าที่ของฝ่ายอื่น กรอบเวลาที่กำหนดเอาไว้ยังต้องยึดตามกรอบเดิมหรือไม่ หรือว่าต้องมีการแก้ไขขยับขยายกรอบเวลาออกไป
ทั้งนี้ เนื่องจากบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับการออกกฎหมายลูก 10 ฉบับเขียนไว้แค่เรื่องการลงมติว่าให้ใช้เสียง 2 ใน 3 หากเสียงไม่ถึงให้ร่างกฎหมายลูกนั้นเป็นอันตกไป แต่ไม่ได้เขียนว่าแล้วให้ทำอย่างไรต่อ
สุดท้ายเรื่องก็ต้องกลับไปที่ผู้มีอำนาจสูงสุดอย่างพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เป็นผู้ชี้ขาดว่าจะทำอย่างไรต่อ
เมื่อครั้งหนึ่งการเลื่อนเลือกตั้งตามโรดแม็พเคยถูกเลื่อนมาแล้ว เมื่อแม้รัฐธรรมนูญจะกำหนดเรื่องกรอบเวลาเลือกตั้งหลังรัฐธรรมนูญประกาศใช้ แต่ยังมีช่องว่างให้เกิดอุบัติเหตุได้อยู่ จึงไม่แปลกที่ประชาชนจะไม่เชื่ออย่างสนิทใจว่าจะมีการเลือกตั้งตามที่ประกาศไว้ในช่วงปลายปี 2561
You must be logged in to post a comment Login