วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

เขย่ายุทธศาสตร์

On July 5, 2017

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

 

รับบทเรียนสำคัญอีกครั้งจากการใช้อำนาจอย่างเร่งรีบจนขาดความรอบคอบออกพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 มาใช้แทนของเดิมสร้างผลกระทบอย่างกว้างขวาง สุดท้ายต้องยอมยืดเวลาบังคับใช้กฎหมายออกไปเพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องมีเวลาปรับตัว

แต่คำถามคือการยืดเวลาบังคับใช้เพื่อให้เวลาปรับตัวนั้นเพียงพอต่อการทุเลาปัญหาที่จะเกิดจากการบังคับใช้พ.ร.ก. การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 ฉบับนี้หรือไม่

ข้อมูลจาก นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี ที่ให้สัมภาษณ์กับ www.komkhao.com ชี้ว่าการเร่งออกพ.ร.ก.ทำเพื่อจุดประสงค์บางอย่างจนทำให้เกิดความไม่รอบคอบ และลืมนึกถึงความเสียหายที่จะตามมา

จากข้อมูลตัวเลขที่นายปลอดประสพรวบรวมได้พบว่า ประเทศไทยมีแรงงานข้ามชาติประมาณ 4 ล้านคน 45% มาจากเมียนมาร์ หรือประมาณ 1.9 ล้านคน จากลาว ประมาณกัมพูชา 1ล้านคน ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไทยมีแรงงานข้ามชาติมากที่สุด รองลงมาคือสิงคโปร์

แรงงานข้ามชาติเหล่านี้ 91% หรือประมาณ 1.4 ล้านคน เป็นพวกมีทักษะต่ำ อยู่ในกลุ่มงานด้านการผลิต 36% หรือประมาณ 5 แสนคน กลุ่มก่อสร้าง 19% ประมาณ 3 แสนคน และกลุ่มงานบริการ 17% ประมาณ 2.5 แสนคน

นอกจากนี้ ยังพบว่าแรงงานข้ามชาติอยู่ในกรุงเทพฯมากที่สุดประมาณ 3 แสนคน รองลงมาคือ ปทุมธานี และ สมุทรปราการ แห่งละแสนกว่าคน

ส่วนสาเหตุที่ประเทศไทยมีแรงงานต่างด้าวมาก ก็เพราะความต้องการแรงงานมาช่วยเพิ่มผลผลิตเพราะเศรษฐกิจไทยขยายตัวอย่างมากในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา (ยกเว้นตอนนี้) ประกอบกับความไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง และทางเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้าน

ปัญหาคือที่ผ่านมาไทยไม่ได้มีนโยบายเกี่ยวกับแรงงานข้ามชาติอย่างจริงจัง เพิ่งมาจริงจังเมื่อปี 2552 และมีการขึ้นทะเบียนในปี 2557

“รัฐบาลนี้กลัวฝรั่ง (ปากบอกว่าไม่กลัว) จึงโผงผางประกาศเอาโทษลูกจ้ าง นายจ้าง ไม่ปราณี โดยลืมวิเคราะห์ความเสี่ยงต่างๆที่จะตามมา ตอนนี้ก็คิดออกอย่างเดียวคือใช้ยาประจำบ้าน ม.44 ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นในระยะยาวประเทศชาติจะอยู่กันอย่างไร  เห็นท่านพูดเรื่องยุทธศาสตร์บ่อยๆ ไม่ทราบว่า ท่านมียุทธศาสตร์ในเรื่องแรงงานต่างชาติในประเทศไทยหรือยัง ผมไม่กล้าให้คำแนะนำอะไรกับ ท่านหรอก แต่ก็ไม่อยากเห็นรัฐบาลทำอะไรสุกเอาเผากินแบบนี้ ผมเองก็ไม่รู้หรอกว่าตอนประชุมคณะรัฐมนตรี ท่านหารือกันอย่างไร หรือท่านเข้าประชุมเพื่อรับฟังคำสั่งจากท่านผู้นำแต่เพียงอย่างเดียว

ทั้งหมดเป็นข้อมูลและความคิดเห็นจากนายปลอดประสพ ซึ่งในส่วนข้อมูลถือว่าเป็นข้อมูลทั่วไปที่คิดว่าผู้เกี่ยวข้องคงทราบกันดี แต่ที่น่าสนใจคือความคิดเห็น

น่าสนใจเพราะมีคำถามให้ชวนคิดว่าก่อนที่รัฐบาลจะออกพ.ร.ก.มาบังคับใช้ได้ประเมินผลกระทบและแนวทางการรับมืออย่างรอบคอบรอบด้านแล้วหรือยัง เพราะการออกพ.ร.ก.มาบังคับใช้แล้ว ใช้อำนาจม.44 ออกตามมาให้ผ่อนปรนการบังคับใช้นอกจากทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลเองแล้ว ยังเป็นการประจานตัวเองว่าที่ผ่านมาคิดไม่รอบคอบ

น่าสนใจยิ่งกว่าคือประโยคที่ว่าเห็นท่านผู้นำชอบพูดเรื่องยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งก่อนลงจากอำนาจจะเขียนยุทธศาสตร์เอาไว้ 20 ปี แต่เมื่อเห็นการชักเข้าชักออกเรื่องแก้ปัญหาแรงงานต่างชาติทำให้ประชาชนไม่มั่นใจว่ายุทธศาสตร์ 20 ปีที่จะวางไว้จะมีความรอบคอบรัดกุมเพียงใด

อย่าลืมว่าหากวางยุทธศาสตร์เอาไว้ผิด ไม่มีสิทธิกลับมาแก้ตัว และถึงตอนนั้นไม่สามารถใช้อำนาจ ม.44 สั่งชะลอหรือแก้ไขอะไรได้จนกลายเป็นสร้างปัญหาให้ประเทศ


You must be logged in to post a comment Login