- อย่าไปอินPosted 4 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 22 hours ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 2 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 3 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 4 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
กองร้อยทหารว่าว / โดย ศิลป์ อิศเรศ
คอลัมน์ : ร้ายสาระ
ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ
การยิงปืนใหญ่ใส่ข้าศึกจำเป็นต้องรู้พิกัดที่แน่นอน การลาดตระเวนทางอากาศจึงเป็นสิ่งจำเป็น แต่ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 เทคโนโลยีการบินยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะนำเครื่องบินมาใช้กับการลาดตระเวนในสนามรบ ขณะที่บอลลูนก็มีขนาดใหญ่เทอะทะและง่ายต่อการถูกข้าศึกโจมตี วิธีที่ประเทศมหาอำนาจหลายชาติเลือกใช้คือการนำทหารผูกติดกับว่าวเพื่อลาดตระเวนทางอากาศ
ราวปี 1914 ทหารอเมริกันกลุ่มหนึ่งถูกนำมาฝึกให้นั่งบนไม้กระดานที่แขวนอยู่บนเชือกผูกติดกับว่าว พวกเขามีหน้าที่ยึดเชือกให้มั่นอย่าให้ตัวเองตกลงมาเมื่อว่าวลอยสูงขึ้นบนท้องฟ้า จากนั้นให้ใช้กล้องส่องทางไกลมองหากองทัพข้าศึกเพื่อคำนวณหาตำแหน่งพิกัด
เมื่อเปรียบเทียบระหว่างอุปกรณ์การบินที่มีใช้ในสมัยนั้น ดูเหมือนการบินด้วยว่าวจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการนำทหารขึ้นสู่ท้องฟ้าในสนามรบ เพราะมีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายได้สะดวก สามารถประกอบและถอดประกอบได้ในเวลาอันรวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถควบคุมระดับความสูงได้ตามต้องการด้วยการดึงหรือผ่อนเส้นเชือก
ทหารว่าวสามารถลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าสูงหลายร้อยฟุต ที่ตำแหน่งนั้นเขาเหมือนเป็นเพียงจุดเล็กๆบนท้องฟ้าเมื่อมองจากพื้นดิน ยากต่อการเป็นเป้าให้ฝ่ายข้าศึกรัวกระสุนปืนเข้าใส่ เมื่อมองเห็นข้าศึกทหารว่าวจะส่งวิทยุแจ้งตำแหน่งมายังทหารภาคพื้นดิน
ก่อนยุคทหารอากาศ
การนำว่าวมาใช้ในกิจการทหารมีขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1894 โดยเบเดน เบเดน โพเวลล์ น้องชายของโรเบิร์ต เบเดน โพเวลล์ ผู้ก่อตั้งกิจการลูกเสือครั้งแรกในโลก เบเดนทดลองใช้ว่าวนำทหารอังกฤษขึ้นสู่ท้องฟ้าได้สำเร็จ หลังจากนั้นไม่กี่เดือน ลอเรนซ์ ฮาร์เกรฟ นักประดิษฐ์ชาวออสเตรเลียน ประสบความสำเร็จจากการทดลองบินด้วยว่าวรูปกล่อง
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาประเทศมหาอำนาจหลายชาติต่างพยายามพัฒนาการใช้ว่าวส่งทหารขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อสอดแนมดูตำแหน่งข้าศึก โดยเฉพาะเยอรมนีและฝรั่งเศสที่นำมาใช้จริงในสนามรบ แต่ผู้ที่สร้างสีสันให้กับกองร้อยทหารว่าวมากที่สุดคือ ซามูเอล แฟรงกลิน โคดี้ นักแสดงชาวอเมริกัน
ซามูเอลแสดงการขี่ม้าโลดโผนไปตามเมืองต่างๆในอเมริกา จนกระทั่งเขาเดินทางไปเปิดการแสดงในอังกฤษจึงได้สัมผัสกีฬาว่าวซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในทวีปยุโรป ทำไปทำมาเขาเกิดติดใจลุ่มหลง ทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับการประดิษฐ์ว่าว
ปี 1901 ซามูเอลจดสิทธิบัตรว่าวบรรทุกคน เขาติดต่อกระทรวงสงครามอังกฤษนำเสนออุปกรณ์ชนิดใหม่ที่สามารถช่วยกองทัพทำการสอดแนมทางอากาศ ซึ่งกองทัพอังกฤษให้ความสนใจสิ่งประดิษฐ์ชนิดใหม่นี้ เพราะมีความคล่องตัว สะดวกในการพกพา สามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างรวดเร็ว
ใช้งานได้จริง
อย่างไรก็ตาม กองทัพอังกฤษยังไม่ค่อยมั่นใจในประสิทธิภาพของว่าวบรรทุกคนเท่าไรนัก ซามูเอลจึงจัดการแสดงโชว์ให้ประจักษ์ต่อสายตาด้วยการใช้ว่าวที่เขาประดิษฐ์ขึ้นมาส่งคนขึ้นสู่ท้องฟ้าที่ความสูง 14,000 ฟุต และกลับลงสู่พื้นดินอย่างปลอดภัย
ต่อมาในปี 1903 ซามูเอลใช้ว่าวของเขาผูกติดกับเรือแล่นผ่านช่องแคบโดเวอร์ได้สำเร็จด้วยพลังงานลมล้วนๆ ในที่สุดกองทัพอังกฤษก็ยอมเซ็นสัญญาว่าจ้างซามูเอลและมอบตำแหน่งหัวหน้าผู้เชี่ยวชาญด้านว่าวให้กับเขา
แม้ว่าสิ่งประดิษฐ์ของซามูเอลจะมีประสิทธิภาพเป็นที่น่าพอใจ แต่จะด้วยเหตุผลใดก็ตามกองทัพอังกฤษก็ไม่เคยนำมาใช้งานจริงในสนามรบ ต่างกับเยอรมนีและฝรั่งเศสที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องและนำไปใช้งานจริง
ขณะเดียวกันในปี 1908 ซามูเอลก็ขยับไปสนใจเครื่องบิน สิ่งประดิษฐ์ใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าว่าว เขากลายเป็นบุคคลแรกที่ขับเครื่องบินในประเทศอังกฤษ ซึ่งสัญญาว่าจ้างของกองทัพอังกฤษกำลังจะสิ้นสุดลงในปีเดียวกันนี้เอง
ฝูงว่าวบิน
การนำคนขึ้นสู่ท้องฟ้าไม่ได้ใช้ว่าวเพียงตัวเดียวและไม่ได้ใช้คนเพียงคนเดียวเช่นกัน ผู้ทำหน้าที่จ่าฝูงจะขึ้นบินก่อนเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบกระแสลม จากนั้นจึงปล่อยว่าวตัวถัดๆมาซึ่งผูกอยู่บนเชือกเส้นเดียวกัน ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าตามกันเป็นพรวน
เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินทำหน้าที่ควบคุมกว้าน คอยผ่อนเชือกให้ว่าวลอยสูงขึ้นหรือม้วนเชือกกลับเพื่อให้ว่าวลอยต่ำลง ระดับความสูงไม่ใช่เรื่องน่าเป็นห่วง สิ่งที่น่ากังวลมากที่สุดคือความเสถียร การควบคุมไม่ให้ว่าวส่ายไปมาขณะลอยอยู่บนท้องฟ้า หากว่าวเสียการทรงตัวอาจทำให้ผู้ที่ผูกติดอยู่ตกจากแผ่นไม้กระดานหรือกระเช้าโดยสาร
ปี 1912 ซามูเอลทดสอบว่าวบรรทุกคนด้วยตัวเอง การทดสอบในครั้งนั้นว่าวเสียการทรงตัวที่ระดับความสูง 200 ฟุต โชคดีที่ซามูเอลสวมร่มชูชีพ ทำให้เขารอดชีวิตจากอุบัติเหตุคราวนั้นได้อย่างหวุดหวิด ซึ่งนั่นคือเหตุผลที่อังกฤษและอเมริกาไม่เคยนำว่าวมาใช้งานจริงในสนามรบ
หมองูตายเพราะงู
ปี 1913 ซามูเอลทดสอบเครื่องบินสะเทินน้ำที่เขาออกแบบเอง โดยมีวิลเลี่ยม อีวานส์ นักกีฬาคริกเก็ตชื่อดัง เป็นผู้โดยสาร โชคร้ายที่เครื่องยนต์เครื่องบินเกิดขัดข้องขณะบินที่ระดับความสูง 200 ฟุต แต่คราวนี้โชคไม่เข้าข้าง ซามูเอลและวิลเลี่ยมเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
แม้ว่าซามูเอลจะไม่ได้ทำงานให้กับกองทัพแล้ว แต่กองทัพอังกฤษยังรับเป็นเจ้าภาพงานศพ จัดขบวนแห่เชิดชูเกียรติและนำร่างไปฝังในสุสานทหารเยี่ยงวีรบุรุษสงครามคนหนึ่ง
หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 สิ้นสุดลงในปี 1918 โครงการกองร้อยทหารว่าวถูกพับเก็บเข้ากรุและไม่เคยนำออกมาใช้อีกเลย ขณะเดียวกันเทคโนโลยีการบินได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนสามารถนำมาใช้ในการลาดตระเวนได้ดีกว่าการใช้ว่าว อย่างไรก็ตาม การพยายามนำคนขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยว่าวก็ยังคงกระทำกันในกลุ่มสมัครเล่นเป็นงานอดิเรกจนถึงปัจจุบัน
You must be logged in to post a comment Login