วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

โทรจิตสุนัข / โดย ศิลป์ อิศเรศ

On July 17, 2017

คอลัมน์ : ร้ายสาระ

ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ

ประเทศมหาอำนาจต่างแข่งขันกันพัฒนาอาวุธให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเพื่อความได้เปรียบในการทำสงคราม อาวุธลับชนิดหนึ่งที่พวกเขาทำการวิจัยคือ การส่งกระแสจิตควบคุมพฤติกรรมของบุคคลเป้าหมาย ตลอดจนถึงการใช้กระแสจิตสังหารข้าศึก

วลาดิเมียร์ ดูรอฟ เป็นบุตรของชนชั้นสูงในกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เขาหลงใหลการแสดงกายกรรมคณะละครสัตว์ ปี 1878 วลาดิเมียร์เดินทางไปร่ำเรียนวิชากายกรรมกับนักแสดงชาวอิตาเลียนและเข้าร่วมกับคณะละครสัตว์ในเวลาต่อมา เขาสร้างชื่อเสียงในวงการละครสัตว์จากการแสดงเดินไต่บนเส้นลวด

ปี 1881 วลาดิเมียร์มีความเห็นไม่ลงรอยกับเจ้าของคณะละครสัตว์ เขาจึงตัดสินใจลาออกและได้งานใหม่เป็นคนฝึกสัตว์ในคณะละครสัตว์คณะหนึ่ง หลังจากฝึกฝนอยู่ 3 ปี เขาก็มีความชำนาญในการฝึกสัตว์ เปิดการแสดงช่วงคั่นรายการเป็นตัวตลกแสดงกับสัตว์ที่เขาเป็นคนฝึกฝน

การแสดงของวลาดิเมียร์ประสบความสำเร็จอย่างสูงจนถึงกับมีคำกล่าวขานว่าหากชื่นชอบการแสดงของสัตว์จะต้องมาชมการแสดงของวลาดิเมียร์ แต่ดูเหมือนคุณพ่ออุปถัมภ์ของเขาจะไม่ปลื้มเท่าใดนักจึงสั่งให้วลาดิเมียร์กลับมาเรียนหนังสือเหมือนเด็กคนอื่นๆ

โรงเรียนฝึกสัตว์

ปี 1887 วลาดิเมียร์เรียนจบการศึกษาตามความประสงค์ของคุณพ่ออุปถัมภ์ เขากลับคืนสู่สังเวียนละครสัตว์อีกครั้ง การแสดงของเขาได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้นจนถึงกับขยายเวลาการแสดงช่วงแสดงตลกของเขากินเวลาถึงครึ่งหนึ่งของการแสดงทั้งหมด

วลาดิเมียร์จัดฉากการแสดงจำลองการเดินทางด้วยรถไฟโดยมีลิงแสดงเป็นนายช่าง ห่านแสดงเป็นเด็กยกกระเป๋า เป็ดแสดงเป็นนายสถานี แพะแสดงเป็นกระเป๋ารถไฟ และหนูตะเภาแสดงเป็นผู้โดยสาร

ปี 1910 วลาดิเมียร์ควักกระเป๋าซื้อโรงนาหลังใหญ่ใช้เป็นที่ฝึกสัตว์ ต่อมาในปี 1919 เขาอุทิศเวลาทั้งหมดให้กับการศึกษาเรื่องจิตวิทยาสัตว์ เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่กองทัพแดงของรัสเซียเข้ามาปกครองประเทศ พวกเขาเร่งพัฒนาอาวุธเพื่อคานอำนาจกับประเทศมหาอำนาจอื่นๆ วลาดิเมียร์ถูกดึงตัวให้มาช่วยสร้างอาวุธลับให้กับกองทัพรัสเซีย

สื่อสารชีวภาพ

วันที่ 20 สิงหาคม 1922 เบอร์นาร์ด คาซินสกี้ วิศวกรไฟฟ้าชาวรัสเซียผู้เชี่ยวชาญด้านคลื่นวิทยุ ได้รับคำสั่งให้มาร่วมทีมไขความลับการสื่อสารทางชีวภาพ หรือเรียกให้เข้าใจง่ายๆก็คือการสื่อสารด้วยกระแสจิต เบอร์นาร์ดและวลาดิเมียร์จับคู่กันทำการศึกษาและวิจัยการสื่อสารกับสัตว์ด้วยพลังจิต

ตลอดระยะเวลา 2 ปี พวกเขาทำการทดลองสื่อสารกับสุนัขด้วยกระแสจิต 1,300 ครั้ง เบอร์นาร์ดเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดสามารถรับ-ส่งคลื่นวิทยุได้หากได้รับการฝึกฝนอย่างถูกวิธี โดยให้เหตุผลว่าเขาพบว่าอวัยวะบางอย่างของมนุษย์ทำหน้าที่คล้ายกับเครื่องรับ-ส่งคลื่นวิทยุ

เบอร์นาร์ดและวลาดิเมียร์ทดลองใช้กระแสจิตสื่อสารกับสุนัข การทดลองทำโดยวลาดิเมียร์นั่งจ้องตาสุนัขพร้อมกับส่งกระแสจิตออกคำสั่งให้สุนัขทำสิ่งต่างๆ วลาดิเมียร์บอกว่าเขาไม่ได้เพียงแค่จ้องตาสุนัขเท่านั้น แต่เขามองลึกเข้าไปจนถึงข้างในจิตใจ

วลาดิเมียร์ใช้มือลูบหัวสุนัขอย่างแผ่วเบา เลื่อนมาที่เหนือปากและต้นขา สุนัขตอบสนองด้วยการแหงนหน้าจนจมูกชี้ฟ้าเหมือนมันกำลังตกอยู่ในภวังค์ หลังจากนั้นสุนัขจะทำทุกอย่างตามที่วลาดิเมียร์ส่งกระแสจิตสั่งให้ทำ

จารชนจ้องแพะ

รัสเซียไม่ได้เป็นเพียงชาติเดียวที่ศึกษาและวิจัยการใช้พลังจิตเป็นอาวุธ อเมริกาเองก็ศึกษาในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ช่วงปลายทศวรรษ 1970 กองทัพอเมริกันศึกษาการใช้พลังจิตเป็นอาวุธสังหารข้าศึก การทดลองกระทำโดยให้ผู้มีพลังจิตนั่งจ้องตาแพะบังคับให้หัวใจมันหยุดเต้น

การทดลองครั้งนี้ถูกนักข่าวขุดคุ้ยและนำเรื่องราวมาเขียนหนังสือตีแผ่ภายใต้ชื่อเรื่อง The Men Who Stare at Goats ต่อมาถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ให้ชื่อเรื่องเป็นภาษาไทยว่า “จารชนจ้องแพะ” นับว่าโชคดีที่ไม่มีแพะเสียชีวิตจากการทดลองครั้งนี้

วลาดิเมียร์เล่าว่า สมัยเด็กๆเขาเคยโดนเพื่อนท้าทายให้เข้าไปในบ้านร้างที่มีสุนัขดุอาศัยอยู่ วลาดิเมียร์รับคำท้า เมื่อเข้าไปในบ้านร้างสุนัขก็วิ่งตรงเข้ามาหมายขย้ำ วลาดิเมียร์ทำใจดีสู้เสือ ยืนจ้องตาสุนัขทำให้สุนัขสงบลงไม่โจมตีเขา ต่อจากนั้นวลาดิเมียร์ก็ส่งกระแสจิตให้สุนัขถอยกลับไป

วลาดิเมียร์เดินเข้าไปในบ้านร้างและกลับออกมาอย่างปลอดภัย ขณะที่เบอร์นาร์ดมีความเคลือบแคลงสงสัยในเรื่องการสื่อสารด้วยพลังจิต แต่เขาได้รับมอบหมายให้มาทำการศึกษาวิจัยตามหน้าที่จึงไม่อาจปฏิเสธได้

กรงฟาราเดย์

ตัวอย่างบันทึกการทดลองของวลาดิเมียร์ เช่น การทดลองเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 1922 เขาส่งกระแสจิตสั่งสุนัขให้ไปคาบสมุดโทรศัพท์ที่อยู่ในห้องโถง แต่สุนัขกลับกระโดดลงจากเก้าอี้แล้วลงไปนั่งอยู่กลางห้อง

วลาดิเมียร์ลองอีกครั้ง คราวนี้สุนัขวิ่งไปปิดประตูห้อง จนกระทั่งการทดลองครั้งที่สามสุนัขจึงวิ่งไปที่ห้องโถง ค้นหาอยู่สักพักแล้วคาบสมุดโทรศัพท์มาให้ สร้างความประหลาดใจให้กับเบอร์นาร์ดจนถึงกับเอ่ยปากว่าเป็นการทดลองที่ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง

เบอร์นาร์ดสร้างกรงฟาราเดย์หรือกรงที่ปิดกั้นคลื่นไฟฟ้า เพื่อทดลองว่ามีการใช้กระแสจิตออกคำสั่งไปยังสุนัขหรือไม่ วลาดิเมียร์นั่งอยู่ในกรงฟาราเดย์ เขาพยายามส่งกระแสจิตออกคำสั่งสุนัข แต่มันกลับนั่งเฉย หลังจากที่เบอร์นาร์ดเปิดประตูกรงฟาราเดย์และให้วลาดิเมียร์ใช้พลังจิตออกคำสั่งอีกครั้ง คราวนี้สุนัขยอมทำตาม

จากการทดลองเกือบ 1,300 ครั้ง ประสบความสำเร็จ 696 ครั้ง และไม่ประสบความสำเร็จ 582 ครั้ง ทำให้นักวิทยาศาสตร์หลายคนยอมรับว่าตัวเลขนี้มีนัยและไม่น่าจะเป็นเหตุบังเอิญ การสื่อสารด้วยพลังจิตมีความเป็นไปได้สูง

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ

ในฐานะนักวิทยาศาสตร์ทำให้เบอร์นาร์ดเคลือบแคลงสงสัย เขาจึงขอให้วลาดิเมียร์ทดลองใช้กระแสจิตสั่งให้ตัวเขาทำตามคำสั่ง วลาดิเมียร์ตอบว่า “ง่ายมาก คุณนั่งเฉยๆนิ่งๆก็แล้วกัน”

วลาดิเมียร์เขียนคำสั่งลงในแผ่นกระดาษแล้วพับไม่ให้ใครเห็น จากนั้นก็นั่งจ้องหน้าเบอร์นาร์ด เขานั่งนิ่งไม่รู้สึกมีอะไรผิดปรกติแม้แต่น้อย เวลาผ่านไปสักพักเบอร์นาร์ดยกมือขึ้นเกาใบหูข้างขวา วลาดิเมียร์รีบยื่นแผ่นกระดาษที่เขียนไว้ก่อนหน้านี้ให้กับเบอร์นาร์ด เขาคลี่แผ่นกระดาษออก มันเขียนว่า “เกาหลังหูข้างขวา”

การทดลองครั้งนี้ทำให้เบอร์นาร์ดถูกโน้มน้าวให้เชื่อว่าวลาดิเมียร์สามารถสื่อสารด้วยพลังจิตได้จริง แต่กองทัพรัสเซียและอีกหลายประเทศที่ศึกษาเรื่องนี้ไม่เคยนำมันมาใช้งานจริง อาจเป็นเพราะยังเป็นที่เคลือบแคลงว่าการที่สุนัขทำตามคำสั่งด้วยพลังจิตนั้นยังมีข้อน่าสงสัยมากมายว่าทำได้จริงหรือมียังตัวแปรอื่น เช่น การสื่อสารด้วยภาษากายโดยที่ผู้สั่งไม่รู้ตัว


You must be logged in to post a comment Login