- อย่าไปอินPosted 1 day ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
ยิ่งดึงยิ่งเสีย?
คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
หลังอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยออกมาเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการประมูลข้าวในสต็อกรัฐบาลว่ามีการนำข้าวเกรดคนบริโภคได้ไปประมูลเป็นข้าวเกรดต่ำสำหรับใช้ทำอาหารสัตว์ ทำให้รัฐเสียรายได้ที่ควรจะได้รับไปกว่า 10,000 ล้านบาท
ถึงจะมีคำชี้แจงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่ดูหมือนว่าจะยังมีข้อโต้แย้งทางข้อมูลกันอยู่พอสมควร
แม้กลุ่มอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้ท่านผู้นำใช้อำนาจพิเศษมาตรา 44 ออกคำสั่งให้เปิดโกดังข้าวให้มีการพิสูจน์ว่าข้าวที่นำมาประมูลนั้นเป็นข้าวเกรดคนบริโภคได้หรือว่าข้าวเกรดต่ำใช้ทำอาหารสัตว์กันแน่
แต่ดูเหมือนจะไม่มีสัญญาณตอบรับจากผู้มีอำนาจ
ล่าสุดอดีตส.ส.กลุ่มนี้ที่นำโดย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสมคิด เชื้อคง อดีตส.ส. อุบลราชธานี น.ส.ลีลาวดี วัชโรบล อดีต ส.ส. กรุงเทพมหานคร ในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบการระบายข้าวพรรคเพื่อไทย ออกมาให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ครั้งที่ 1/2560 จริง จากที่รัฐควรขายได้ในราคา 11 บาท แต่กลับมีผู้ประมูลไปในราคาเพียง 6 บาท เพิ่มเติมดังนี้
1.บริษัทที่ชนะมูลได้ข้าวไปคือบริษัท กาญจนาอาหารสัตว์ จำกัด มีกำลังการผลิตได้เพียง 11 ตัน แต่ซื้อข้าวจากรัฐบาลไปมากถึงกว่า 14,000 ตัน จะเอาไปเก็บรักษาไว้ที่ไหน
2.เมื่อพิจารณาจากกำลังการผลิตต้องใช้เวลานานถึง 7 ปีจึงใช้ข้าวที่ซื้อมาหมด ประเด็นคือระยะเวลา 7 ปีข้าวที่รอผลิตเป็นอาหารสัตว์อาจเน่าเสียหรือขึ้นราหมดแล้ว
3.บริษัทกาญจนาอาหารสัตว์ไม่ได้ชนะประมูลข้าวจากรัฐบาลเพียงลอตเดียวแต่ชนะประมูลทั้งหมด 4 โกดังรวมข้าวกว่า 39,000 ตัน จะเอาโกดังที่ไหนมาเก็บข้าวเหล่านี้จะรักษาสภาพข้าวอย่างไรไม่ให้เสีย เพราะต้องใช่เวลาถึง 20 ปีจึงเอาไปใช้ผลิตอาหารสัตว์ได้หมด
เมื่อมีข้อมูลเปิดเผยออกมาอย่างนี้ก็เป็นหน้าที่ของผู้มีอำนาจที่ประกาศชัดเจนว่าเข้ามาขจัดคอร์รัปชันมาทำให้บ้านเมืองใสสะอาดต้องหาคำตอบว่าเป็นข้อมูลจริงหรือเท็จ
ถ้าจริงก็ต้องหาตัวคนรับผิดชอบมาดำเนินการตามกฎหมายและเรียกค่าเสียหายจากที่รัฐควรได้รับกว่าหมื่นล้านบาท
ถ้าไม่จริงคนที่นำข้อมูลมาเปิดเผยก็เสียหายเสียเครดิตและต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย เช่นกันในฐานะที่ใช้ข้อมูลเท็จกล่าวหาให้ผู้อื่นเสียหายทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการระบายข้าวและบริษัทเอกชนที่ถูกกล่าวหา
ในช่วงที่รัฐบาลทหารคสช.กลับมาทำท่าขึงขังจริงจังกับการปราบโกงอีกครั้ง ถึงขนาดออกคำสั่งให้ตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนการประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่ของรัฐภายในค่ายทหาร เมื่อมีข้อมูลถูกเปิดเผยออกมาแบบนี้แล้วต้องรีบกระโดดงับเพื่อทำให้สังคมเห็นว่าเอาจริง ไม่ได้สร้างภาพ
ก็แค่เปิดโกดังพิสูจน์คุณภาพข้าวว่าเป็นเกรดที่คนบริโภคได้หรือเกรดที่ใช้ทำอาหารสัตว์ไม่น่าจะยาก และไม่น่ามีอะไรส่งผลกระทบด้านลบต่อรัฐบาลทหารคสช. หากตรวจสอบแล้วมีคนผิดทำให้รัฐเสียหายก็ดำเนินการลงโทษเอาผิดไปตามขั้นตอน ถ้าไม่พบความเสียหายนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามก็เสียความน่าเชื่อถือ
มองมุมไหนรัฐบาลทหารคสช.ก็มีแต่ได้กับได้ ไม่มีอะไรเสียแล้ว จะมัวรีรออะไรสั่งให้เปิดโกดังพิสูจน์กันเลย
You must be logged in to post a comment Login