- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 2 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 2 months ago
- โลกธรรมPosted 2 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 2 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 2 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 2 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 2 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 2 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 2 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 2 months ago
โนพร็อบเบล็ม

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
สัปดาห์นี้ดูจะเป็นสัปดาห์ของข่าวเรื่องข้าว
เรื่องข้าวที่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่ แต่ถูกทำให้เป็นเรื่องธรรมดาไม่ได้รับความสนใจจากสังคมไทยเท่าที่ควรคือการตรวจสอบระบายข้าวสต็อกรัฐบาล ที่มีการเปิดเผยข้อมูลว่านำข้าวเกรดดีคนบริโภคได้มาขายเป็นข้าวเกรดต่ำใช้ทำอาหารสัตว์ ทำให้รัฐเสียรายได้ที่ควรจะได้รับไปกว่าหมื่นล้านบาท
แม้จะไร้เสียงตอบรับจากผู้มีอำนาจว่าจะสั่งให้เปิดโกดังข้าวตรวจสอบคุณภาพกันให้ชัดเจนหรือไม่ว่าข้าวที่ระบายออกไปเป็นข้าวเกรดคนบริโภคได้หรือเป็นเกรดที่ต้องใช้ทำอาหารสัตว์กันแน่
แต่อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยที่ตรวจสอบเรื่องนี้ก็ยังเดินหน้าหาความจริงกันต่อไป ล่าสุดพาคณะสื่อมวลชนจำนวนหนึ่งลงพื้นที่ตรวจสอบบริษัทกาญจนาอาหารสัตว์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลดอนทราย อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี เพื่อดูว่ามีสภาพเป็นอย่างไร มีสถานที่เพียงพอต่อการจัดเก็บข้าวเพื่อรอผลิตเป็นอาหารสัตว์ที่ประมูลมาได้กว่า 40,000 ตันหรือไม่
แน่นอนว่าการลงพื้นที่ครั้งนี้ได้แต่ส่องดูจากภายนอก ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบภายในพื้นที่ของบริษัทได้ ซึ่งสภาพที่เห็นด้วยตาเปล่าคณะอดีตส.ส.เพื่อไทยตั้งข้อสังเกตว่าบริษัทดังกล่าวมีลักษณะเป็นฟาร์มเลี้ยงหมู สภาพไม่เหมาะสมกับการเก็บข้าว และไม่น่ามีสถานที่จัดเก็บเพื่อรักษาคุณภาพข้าวที่ประมูลมาได้จำนวนมาก
ที่สำคัญ คณะผู้ตรวจสอบบอกว่าหลังชนะประมูลข้าว ไม่มีการเคลื่อนไหวนำข้าวที่ได้จากการประมูลเข้ามาเก็บในพื้นที่โรงงานแห่งนี้ เพราะการขนข้าวต้องใช้รถบรรทุกจำนวนมาก แต่คนในพื้นที่บอกว่าไม่เห็นมีรถวิ่งเข้า-ออกผิดปรกติ
ข้อมูลที่ต้องขีดเส้นใต้ตัวโตๆคือโรงงานแห่งนี้มีกำลังแปรรูปข้าวเป็นอาหารได้ประมาณวันละ 11 ตัน แต่ชนะการประมูลได้ข้าวมากกว่า 40,000 ตัน หากใช้โรงงานแห่งนี้เพียงแห่งเดียวในการแปรรูป อาจต้องใช้เวลาถึง 20 ปีจึงแปรรูปข้าวได้หมด
ที่แน่นอนที่สุดคือการลงพื้นที่ตรวจสอบครั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่รัฐทั้งทหารตำรวจมาตามดูการทำงานของคณะอดีตส.ส.ด้วย จึงเป็นไปไม่ได้ที่ผู้มีอำนาจจะไม่รับรู้ข้อมูลการประมูลข้าวที่ถูกเปิดเผยครั้งนี้
คงต้องติดตามดูกันต่อไปว่าจะมีการแทกแอ็คชั่นอะไรออกมาจากฝั่งผู้มีอำนาจเพื่อพิสูจน์เรื่องนี้ให้กระจ่างชัดหรือไม่ และหากผู้มีอำนาจยังนิ่งเฉย ฝ่ายตรวจสอบของพรรคเพื่อไทยจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
เรื่องข้าวอีกเรื่องที่เป็นเรื่องใหญ่กว่าการตรวจสอบประมูลข้าวสต็อกรัฐบาลนั่นคือคดีปล่อยปละละเลยทำให้รัฐเสียหายจากการดำเนินโครงการจำนำข้าวที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตกเป็นจำเลย ซึ่งขณะนี้การพิจารณาคดีในชั้นศาลดำเนินการมาถึงการไต่สวนพยานนัดสุดท้ายแล้วในวันนี้ (21 ก.ค.)
คาดว่าการไต่สวนพยานนัดสุดท้ายจะมีประชาชนแห่ไปให้กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ที่หน้าที่ทำการศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมืองเป็นจำนวนมาก เพราะเมื่อการไต่สวนนัดสุดท้ายและการแถลงผิดคดีของทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยจบสิ้นลงก็ได้เวลานับถอยหลังรอฟังคำพิพากษา
ทั้งนี้ คดีอาจถูกยื้อออกไปหากว่าศาลรับเรื่องที่ทีมทนายของอดีตนายกฯยื่นให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ มาตรา 5 พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีความอาญาของนักการเมือง พ.ศ.2542 ขัดกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เพิ่งประกาศใช้ไปเมื่อต้นปี แต่หากศาลไม่ส่งตีความก็ถือว่ากระบวนการสิ้นสุดรอนัดวันฟังคำพิพากษา
คดีนี้มีการวิเคราะห์ผลที่จะตามมาไปต่างๆนานา ทั้งนักวิเคราะห์ในไทยและต่างประเทศ ทั้งกรณียกฟ้องและสั่งจำคุกอดีตนายกฯ ซึ่งส่วนมากมองว่าจะส่งผลกระทบต่อการเมืองในไทยเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาดูจากปฏิกิริยาจากฝ่ายคุมอำนาจรัฐในตอนนี้แล้ว ดูเหมือนยังมั่นใจว่าไม่ว่าผลคดีจะออกมาอย่างไรก็ “เอาอยู่” เพราะช่วงก่อนทำรัฐประหารก็วิเคราะห์กันว่าจะเจอการต่อต้านอย่างหนัก แต่เอาเข้าจริงก็ไม่เห็นมีอะไรไม่ต้องเสียกระสุนปืนเลยสักนัดด้วยซ้ำ
ดังนั้น ผลคดีจำนำข้าวที่พูดกันว่าจะเกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองก็คงอีหรอบเดียวกัน
You must be logged in to post a comment Login