- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 1 month ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 1 month ago
- โลกธรรมPosted 1 month ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 1 month ago
- สลายความเกลียดชังPosted 1 month ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 1 month ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 1 month ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 1 month ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 1 month ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 1 month ago
คดียิ่งลักษณ์จะเป็นจุดเปลี่ยน? / โดย Pegasus

คอลัมน์ : เพื่อชาติประชาชน
ผู้เขียน : Pegasus
คดีโครงการรับจำนำข้าวรู้กันดีว่าเป็นเรื่องทางการเมืองและมี “ธง” อยู่ เจ้าของธงไม่รู้ว่าจะอยู่ดีมีสุขหรือมีอันเป็นไปแล้ว เพราะไม่ทราบว่าเป็นใคร จึงต้องบอกว่าเป็น “มือที่มองไม่เห็น” คอยบงการเรื่องราวต่างๆมาจนบัดนี้ ประเทศชาติจะเสียหายล่มสลาย ประชาชนจะล้มตายแค่ไหนก็ยอม ขอเพียงทำลาย “ตระกูลชินวัตร” ที่บังอาจมาเทียบแข่งบารมีได้เท่านั้น จนมีคำกล่าวว่า “เผาผลาญบ้านเรือนเพียงเพื่อจับหนูตระกูลเดียว”
เรื่องการเลือกตั้งหรือการสืบทอดอำนาจไม่ใช่เรื่องสำคัญ การทำลายล้างฝ่ายประชาธิปไตยเพราะมีอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นเป้าหมาย กลายเป็นจุดพลิกผันของสถานการณ์ทั้งหมด เพราะเป็นจุดสูงสุดของการประลองกำลังที่ยืดเยื้อมายาวนาน
ฝ่ายการเมืองก็รอคอยให้ภาวะเศรษฐกิจล่มสลายเหมือนที่อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร เคยทำนายไว้ มาบัดนี้สถานการณ์ทุกอย่างก็ประจวบเหมาะกัน เพราะสภาพเศรษฐกิจที่บีบคั้นประชาชนจนมีปัญหาการทำมาหากิน แต่ฝ่ายผู้มีอำนาจกลับใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยและไร้ประสิทธิภาพ ไม่ได้มุ่งที่จะช่วยเหลือประชาชนก่อน ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่มีความลำบากยากแค้นและรุมโจมตีสภาพสังคมที่ลำบากยากจนดังมากขึ้นทุกที
เมื่อปัญหาทางสังคมและเศรษฐกิจเกิดขึ้นพร้อมๆกันก็อยู่ที่การตัดสินใจของประชาชนและผู้นำชุมชนในทุกระดับว่าจะคิดอ่านกันอย่างไรกับอนาคตของตัวเอง จะปล่อยให้ชีวิตไร้ความหวังไปอีกนานแค่ไหน และยังจะส่งผลถึงลูกหลานอีกยาวไกล
การตัดสินคดีของอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ทุกคนต่างเชื่อว่าผลการตัดสินจะออกมาตามกระแสข่าว แน่นอนว่าหากผลการตัดสินเป็นไปตามกระแสข่าวก็หมายถึงอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์จะสูญสิ้นอิสรภาพ แสดงว่าเรื่องนี้มี “ธง” กำหนดไว้แล้วเพื่อกำจัดศัตรูทางการเมืองให้สิ้นซากอย่างไร้ความปรานีใดๆ ซึ่งไม่เคยมีในการเมืองไทย
ประชาชนจะมองเห็นสถานการณ์บ้านเมืองที่จะเกิดขึ้นในอนาคตหากผู้มีอำนาจต้องการกระชับอำนาจอย่างไร้ความปรานี ซึ่งจะเป็นเครื่องตัดสินใจของประชาชนว่าควรเลือกทางเดินของตนอย่างไร จะปล่อยให้บ้านเมืองไม่มีความยุติธรรมหรือจะแสวงหาความยุติธรรมก็อยู่ที่ประชาชน
อย่างไรก็ตาม ลำพังประชาชนคงไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรได้หากไม่มีปัจจัยมากระตุ้นให้เกิดความต้องการอย่างแรงกล้า ตัวกระตุ้นที่ว่าคือ ปัญหาเศรษฐกิจที่ทำให้การค้าขายฝืดเคือง ประชาชนไม่มีรายได้อย่างที่ควรจะเป็นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ราคาพืชผลที่ตกต่ำ แม้กระทั่งการศึกษาและการรักษาพยาบาลยังมองไม่เห็นว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น โดยเฉพาะปัญหาทางเศรษฐกิจที่ยังถูกนานาประเทศบีบคั้นอย่างเงียบๆ ประกอบกับความไร้ความสามารถในการบริหารจัดการ และการกอบโกยผลประโยชน์ของกลุ่มทุนผูกขาดสามานย์ที่ร่วมมือกับผู้มีอำนาจ จะเป็นแรงกระตุ้นอย่างมากกับประชาชนที่จะลุกขึ้นมา
สถานการณ์ขณะนี้ขาดสิ่งเดียวคือ การรวมกลุ่มของประชาชนอย่างเหนียวแน่นโดยไม่ต้องไปฟังนักการเมืองหรือนักเคลื่อนไหวอะไรทั้งสิ้น เพื่อให้การออกมาของประชาชนไม่เป็นการกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งการรวมกลุ่มกันต้องเป็นไปอย่างมีเป้าหมายและมีปัญญา คดีทางการเมืองจึงจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของบ้านเมือง
เมื่อการรวมกลุ่มของประชาชนมีจำนวนมากพอและมีสติปัญญาความฉลาดเพียงพอก็สามารถเกิดพลังที่ทำให้ทุกฝ่าย แม้แต่ผู้ที่สนับสนุนฝ่ายเผด็จการเกิดอาการ “ตาสว่าง” และยังจะเป็นการดึง “ศัตรูมาเป็นมิตร” กระชับพลังของประชาชนให้เข้มแข็ง และเกิดการรวมกลุ่มของมวลชนจำนวนมากให้เห็นอย่างชัดเจนและมีเป้าหมาย ซึ่งทั้งหมดจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
You must be logged in to post a comment Login