วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

ชักฟืนจากกองไฟ

On July 27, 2017

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

แม้กระบวนการยึดทรัพย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เริ่มกระบวนการมาถึงขั้นตอนที่สองคือการสืบทรัพย์และอายัดทรัพย์แล้ว

แต่เมื่อกระแสการเมืองถูกปลุกเร้าจากการนัดอ่านคำพิพากษาคดีจำนำข้าวในวันที่ 25 สิงหาคม ผู้มีอำนาจก็ต้องยกเท้าออกจากคันเร่งชะลอการยึดทรัพย์ไว้ก่อนเพื่อไม่ให้การยึดทรัพย์เป็นเชื้อปะทุให้เกิดการเคลื่อนไหวหนักขึ้นในวันอ่านคำพิพากษา

ล่าสุดกระบวนการอายัดทรัพย์ต้องสะดุดลงเมื่อทนายความอดีตนายกฯยื่นร้องต่อศาลปกครองให้ทุเลาคำสั่ง ซึ่งเมื่อศาลปกครองพิจารณาคำร้องแล้วสั่งการให้กระทรวงการคลังในฐานะผู้สืบทรัพย์และกรมบังคับคดีในฐานะผู้ที่จะดำเนินการชี้แจงรายละเอียดเหตุผลความจำเป็นและรายละเอียดกระบวนการยึดทรัพย์ต่อศาลภายใน 15 วัน

ขณะที่การถอนเท้าออกจากคันเร่งของฝ่ายกุมอำนาจมีสัญญาณจาก “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่าการอายัดทรัพย์เป็นเพียงขั้นตอนเตรียมการไปสู่การยึดทรัพย์

“เป็นการดำเนินการเพื่อรองรับคำตัดสินของศาลที่จะออกมา ไม่เช่นนั้นเจ้าหน้าที่จะถูกกล่าวหาว่าไม่ทำอะไร ซึ่งขณะนี้ยืนยันว่ายังไม่มีการยึดทรัพย์ ทั้งนี้ได้สั่งให้กรมบังคับคดีชี้แจงข้อเท็จจริงด้วย รวมถึงให้ระมัดระวังการให้ข้อมูล เพราะไม่เช่นนั้นอาจถูกมองว่าเป็นการไปกลั่นแกล้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขอย้ำว่าขณะนี้ยังไม่มีการทำผิด เนื่องจากศาลยังไม่ตัดสิน และสุดท้ายแล้วหากไม่มีความผิด ทุกอย่างก็ต้องยกเลิกทั้งหมด”

เป็นคำกล่าวที่หวังว่าจะช่วยลดความร้อนแรงของสถานการณ์ลงได้บ้าง เพราะยืนยันว่าจะยึดคำสั่งศาลเป็น หลักหากศาลตัดสินว่าไม่ผิดกระบวนการยึดทรัพย์ก็ต้องถูกยกเลิก

เป็นการถอยทั้งที่ก่อนหน้านี้ใส่เกียร์ห้ากดเท้าเหยียบคันเร่งกันเต็มที่ ทำราวกับว่าจะยึดทรัพย์อดีตนายฯจำนวน 35,000 ล้านบาทให้ได้จึงได้ใช้เส้นทางลัดด้วยการออกคำสั่งทางปกครองเรียกค่าเสียหายไม่ใช้กระบวนการทางศาลตามปรกติจนเกิดข้อครหาตามมา

การถอนคันเร่งยึดทรัพย์เพื่อรอคำสั่งศาลมองได้สองกรณีคือ

หนึ่งรอคำสั่งศาลเพื่อให้เกิดความชอบธรรมต่อการยึดทรัพย์ เพราะท่านผู้นำประกาศชัดเจนแล้วผู้ที่ตัดสินถูกผิดคือศาลไม่ใช่ คสช.

หากศาลตัดสินว่าอดีตนายกฯทำความผิดตามข้อกล่าวหาปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตจนเกิดความเสียหายการต่อต้านการยึดทรัพย์จะน้อยลงเพราะมีคำสั่งศาลเป็นเกราะกำบัง

สองคือหวังลดความร้อนแรงของสถานการณ์หากไปดำเนินการยึดทรัพย์ก่อนที่ศาลจะตัดสินจะกลายเป็นหัวเชื้อจุดไฟความขัดแย้งครั้งใหม่ให้เกิดขึ้นมาได้ เพราะจะเกิดภาพของการใช้อำนาจกลั่นแกล้งชัดเจนขึ้นและจะถูกนำไปขยายความเพื่อปลุกเร้ามวลชนให้มารวมตัวกันในวันที่ศาลนัดอ่านคำพิพากษา

อีกทางหนึ่งก็ทำทั้งเตือนทั้งขู่ประชาชนที่จะเดินทางมาที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ผู้ที่ชักชวนให้ประชาชนเดินทางมา อาจจะมีความผิดในฐานละเมิดอำนาจศาล อาจมีความผิดตามประกาศคำสั่งคสช.เรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อย และอาจมีความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์กรณีโพสต์ข้อความปลุกระดมด้วยความเท็จ

ทั้งการประกาศว่าจะยุติการยึกทรัพย์หากศาลตัดสินว่าไม่ผิด ทั้งการเตือนผู้ที่จะเดินทางมาให้กำลังใจอดีตนายกฯ

ล้วนเป็นการทำเพื่อลดอุณหภูมิที่กำลัพุ่งสูงกว่าที่ประเมินเอาไว้แต่แร

อย่างไรก็ตามอาจไม่ได้ผลอย่างที่คิดเม่อคำพูดกับการกระทำสวนทางกันเมื่ออดีตอนายกฯยิ่งลักษณ์ยืนยัน่าได้ถอนเงินออกจากบัญชีไปแล้วเท่ากับว่าการยึดทรัพย์ได้ดำเนินการไปแล้วโดยไม่รอผลตัดสินของศาลตามที่ท่านผู้นำบอก


You must be logged in to post a comment Login