นายคำรณ ชูเดชา ผู้ประสานงานเครือข่ายเฝ้าระวังธุรกิจสุรา (Alcohol Watch) กล่าวถึงกรณีที่ตำรวจภูธรเมืองสระบุรี ดำเนินคดีกับสาวเชียร์เบียร์ที่โพสต์เชิญชวนดื่มเบียร์ผ่านสื่อโซเชียล ซึ่งเข้าข่ายผิดกฎหมายตามพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พ.ศ.2551 ว่า การกระทำผิดต้องแยกเป็นประเด็นดังนี้ 1.เป็นการกระทำผิด ตามมาตรา30 มาตรา32 ประกอบมาตรา 3 ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ 2.การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาว่าร่วมกันกระทำผิด เป็นการโฆษณาส่งเสริมการขาย เพื่อประโยชน์ทางการค้า ของร้านอาหารแห่งหนึ่งในจังหวัดสระบุรี ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาเป็นพนักงานหรือลูกจ้างของทางร้าน ซึ่งนโยบายส่งเสริมการขายเป็นนโยบายของเจ้าของกิจการเพื่อประโยชน์ทางการค้า การดำเนินคดี ต้องมุ่งเน้นไปยังผู้ได้รับประโยชน์ คือเจ้าของธุระกิจ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจน่าจะใช้ดุลย์พินิจ ในการกันบุคคลดังกล่าวไว้เป็นพยาน เพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของธุรกิจตัวจริงด้วย อย่าจับปลาซิวปลาสร้อย แล้วปล่อยปลาใหญ่สู่ทะเล และ 3.การนำภาพผู้ถูกกล่าวหาเผยแพร่ถือเป็นการละเมิดสิทธิ ละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ซึ่งได้รับรองตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังขัดคำสั่งนายกรัฐมนตรีด้วย และกรณีนี้ไม่มีความจำเป็นใดๆแม้จะเห็นว่ามีการเบลอภาพ แต่ก็สามารถเข้าใจได้อยู่ดีว่าเป็นใคร 4. ขอเตือนไปยังธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ควรให้ข้อมูล ข้อกฎหมายที่ถูกต้องกับร้านค้าผู้จำหน่ายรายย่อยด้วย ไม่ควรให้ข้อมูลที่บิดเบือนเพราะสุดท้ายแล้วเวลาถูกดำเนินคดี คนรับกรรมคือรายย่อย ส่วนธุรกิจก็ยังคงกอบโกยได้สบาย
“ถือว่าตำรวจสระบุรีและคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สระบุรี บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง แต่อยากฝากให้ระมัดระวังในการเสนอภาพของผู้กระทำผิด เนื่องจากไม่ได้เป็นคดีโทษจำคุกร้ายแรงหรืออาชญากร ดังนั้นไม่ควรมีการนำภาพผู้ต้องหามาเผยแพร่ขนาดนี้ และควรกันตัวไว้เป็นพยานเพื่อสาวไปถึงผู้ที่บงการสั่งให้ทำ ซึ่งมุ่งประสงค์เพื่อการค้าอย่างชัดเจน รวมถึงดำเนินคดีกับกรณีอื่นๆ เช่น ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ของธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เย้ยกฎหมายติดตามถนน สถานที่ต่างๆ การส่งเสริมการขายตามผับบาร์ร้านอาหาร ที่ไม่ได้โพสต์ผ่านสื่อโซเชียลอีกเป็นจำนวนมาก” นายคำรณ กล่าว
You must be logged in to post a comment Login