- อย่าไปอินPosted 4 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 23 hours ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 2 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 3 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 4 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
คนอึด ฆ่าไม่ตาย / โดย ศิลป์ อิศเรศ
คอลัมน์ : ร้ายสาระ
ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ
คนร้ายจัดฉากสังหารชายจรจัดเพื่อหวังเอาเงินประกันชีวิต แต่ต้องพยายามถึง 8 ครั้งด้วยวิธีการต่างๆ สูญเงินค่าใช้จ่ายในการจัดฉากเกินกว่าวงเงินประกันที่ทำเอาไว้ สุดท้ายแล้วคนร้ายก็ไม่ได้เงินประกันแม้แต่แดงเดียว
ร้านค้าแห่งหนึ่งในเขตบรองซ์ กรุงนิวยอร์ก ปิดไฟมืดตลอดทั้งวันเหมือนปิดกิจการแล้ว เมื่อมองผ่านกระจกหน้าต่างจะเห็นแต่ลังไม้เก่าๆวางซ้อนกันสูง ผู้ที่อาศัยอยู่ในละแวกนี้รู้ดีว่าร้านค้าแห่งนี้ยังเปิดต้อนรับลูกค้า เบื้องหลังลังไม้เก่ามีเก้าอี้โซฟา โต๊ะ 4 ตัว และเคาน์เตอร์บาร์ มันคือร้านเหล้าที่เปิดขายอย่างผิดกฎหมายในช่วงที่อเมริกามีกฎหมายห้ามจำหน่ายสุราบังคับใช้
วันหนึ่งในเดือนกรกฎาคม 1932 สี่สหายประกอบด้วย ฟรานซิส ปาสควา, เดเนียล ไครส์เบิร์ก, โจเซฟ เมอร์ฟี่ และโทนี่ มาริโน นั่งมองชายจรจัดคนหนึ่งที่เข้ามาซื้อเหล้าที่ร้านทุกๆเช้าเป็นประจำพร้อมกับคำทักทายเดิมๆ “สวัสดีตอนเช้า หากคุณไม่รังเกียจ กรุณารินสุราให้หน่อย” หลังจากดื่มจนได้ที่ ชายคนนั้นก็จะเมาสลบไสล จนกระทั่งสร่างเมาจึงลุกขึ้นกลับบ้าน
ไมเคิล มัลลอย เป็นชาวไอริช ซึ่งรู้กันดีว่าชนชาตินี้ดื่มเหล้าจัดแทบทุกคน เขาอายุ 60 ปี อดีตเป็นพนักงานดับเพลิง ไม่มีครอบครัว ไม่มีญาติ ไม่มีแม้แต่เพื่อน ปัจจุบันหาเลี้ยงชีพด้วยการรับจ้างรายวันทั่วไป เช่น เก็บขยะ กวาดสนามหญ้า หรืองานอะไรก็ได้ที่มีคนจ้างให้ทำ
โทนี่ เจ้าของร้านเหล้าเถื่อน สนทนากับเพื่อนๆเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่กำลังเผชิญอยู่ พวกเขาปรึกษากันว่าจะหาเงินยังไงในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ พักหลังๆลูกค้าที่มากินเหล้าก็ซื้อเงินเชื่อ โดยเฉพาะไมเคิลติดเงินค่าเหล้าหลายครั้งแล้ว พวกเขาฝันลมๆแล้งๆว่าคงดีไม่ใช่น้อยหากมีญาติเสียชีวิตแล้วทิ้งมรดกทรัพย์สินไว้ให้ แต่พวกเขาก็ไม่มีญาติที่ร่ำรวยแบบนั้น
ของฟรีไม่มีในโลก
โทนี่มองดูไมเคิลที่นอนเมาหมดสติแล้วคิดขึ้นมาได้ว่า ไมเคิลกินเหล้าหนักขนาดนี้อาจจะเสียชีวิตในอีกไม่นาน อีกทั้งไมเคิลเป็นคนจรจัด ไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีเพื่อน หากทำประกันชีวิตให้กับไมเคิลโดยปลอมตัวเป็นญาติผู้รับสินไหมก็จะไม่มีใครรู้
โทนี่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน เขาเคยมีแฟนสาวชื่อเบตตี้ คาร์ลเสน เขาทำประกันชีวิตให้กับเบตตี้ 800 ดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว เบตตี้ดื่มเหล้าจนเมามาย หลังจากนั้นก็ถอดเสื้อผ้าอาบน้ำเย็น ก่อนจะเข้านอนโดยไม่ห่มผ้า แถมยังเปิดหน้าต่างอ้ากว้างท่ามกลางอากาศหนาวเย็น เป็นผลให้เธอเสียชีวิตเพราะปอดบวมในเช้าวันรุ่งขึ้น
มันคงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ไมเคิลจะจบชีวิตลงแบบเดียวกัน โทนี่จัดแจงให้ฟรานซิสไปทำประกันชีวิตให้กับไมเคิลในวงเงิน 1,788 ดอลลาร์ โดยใช้ชื่อนิโคลัส มัลลอย อาชีพคนขายดอกไม้ เป็นผู้เอาประกัน ในยุคสมัยนั้นการระบุตัวบุคคลยังใช้วิธีการสอบถามจากบุคคลที่สาม ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากสำหรับฟรานซิส เพราะเขามีอาชีพสัปเหร่อ สามารถไหว้วานเพื่อนฝูงให้ยืนยันตัวตนได้
หลังจากจัดฉากเรียบร้อยแผนการก็เริ่มขึ้นในเดือนธันวาคม 1932 โทนี่เชื้อเชิญไมเคิลมาดื่มเหล้าอย่างไม่อั้นโดยไม่ต้องจ่ายเงินสักบาท โดยให้เหตุผลว่ามีร้านเหล้าเปิดใหม่ใกล้ๆกัน เขาไม่อยากเสียลูกค้าประจำ ไมเคิลดีใจยิ่งกว่าถูกหวย กินเหล้าอย่างไม่บันยะบันยัง
โทนี่รินเหล้าคุณภาพต่ำปริมาณที่มากพอจะล้มช้างได้ให้กับไมเคิล แต่เขาก็ดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าและดูเหมือนว่าจะยิ่งกลับมีชีวิตชีวามากกว่าเดิมด้วยซ้ำไป หลายวันผ่านไปโทนี่ก็รู้ว่าไม่สามารถทำให้ไมเคิลเสียชีวิตได้ด้วยวิธีนี้แน่ๆ
สุราผสมยาพิษ
มกราคม 1933 สี่สหายดำเนินแผนที่สองด้วยการมอมเหล้าไมเคิลจนเมามาย หลังจากนั้นช่วยกันลากตัวไปทิ้งที่ข้างสวนสัตว์บรองซ์ โดยถอดเสื้อผ้าเขาออกแล้วเอาน้ำเย็นราดบนตัว ไมเคิลน่าจะเสียชีวิตได้ไม่ยากในสภาพแบบนี้ในคืนที่หนาวเหน็บ เช้าวันรุ่งขึ้นไมเคิลปรากฏตัวที่ร้านเหล้าพร้อมกับบ่นเล็กน้อยว่าอากาศเมื่อคืนเย็นเหลือเกิน หากได้เหล้าสักแก้วมาอบอุ่นร่างกายคงจะดีไม่น้อย
ถึงเวลาที่โทนี่จะต้องใช้ไม้แข็งจัดการไมเคิล เขานำเมทานอลหรือแอลกอฮอล์เชื้อเพลิงผสมในสุรา จากการวิจัยพบว่าหากสุรามีเมทานอลผสมเพียง 4 เปอร์เซ็นต์ก็สามารถทำให้ตาบอดได้ ปี 1929 มีผู้เสียชีวิตจากการดื่มสุราเถื่อนที่มีเมทานอลเป็นส่วนผสมมากกว่า 50,000 คน
แต่ไมเคิลก็ไม่มีทีท่าว่าจะเจ็บป่วยเพราะเมทานอล โทนี่จึงเสิร์ฟหอยนางรมดองในแอลกอฮอล์ล้างแผล ปลากระป๋องบูด ขนมปังผสมผงเหล็กและเศษแก้ว แต่ความเปลี่ยนแปลงเพียงอย่างเดียวที่เกิดขึ้นคือไมเคิลอ้วนขึ้นเท่านั้น
ตลอดระยะเวลาหลายเดือนตั้งแต่เริ่มวางแผน จ่ายเงินค่าเบี้ยประกันชีวิต ค่าสุรา อาหารเลี้ยงดูไมเคิล และจิปาถะอื่นๆที่จะใช้ปลิดชีวิตไมเคิล โทนี่และพรรคพวกสูญเงินไปแล้วราว 1,800 ดอลลาร์ เกินกว่าวงเงินประกันที่จะได้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องเงินอีกต่อไป เพราะมันกลายเป็นเรื่องส่วนตัวที่โทนี่และพรรคพวกต้องปลิดชีวิตไมเคิลให้สำเร็จ
อวสานมนุษย์เหล็กไหล
วันที่ 30 มกราคม 1933 หลังจากมอมเหล้าไมเคิลจนเมามายไม่มีสติ (อีกครั้ง) สี่สหายก็แบกตัวไมเคิลไปกลางถนน ว่าจ้างแฮรี่ กรีน ซึ่งเป็นคนขับรถแท็กซี่ ขับรถชนไมเคิลด้วยความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตำรวจพบร่างของไมเคิลในตอนเช้า นำตัวส่งโรงพยาบาล เขามีอาการฟกช้ำ กะโหลกร้าว กระดูกไหปลาร้าหัก แต่ยังคงหายใจดีอยู่
สัปดาห์ถัดมาไมเคิลปรากฏตัวที่ร้านเหล้าในสภาพมีผ้าพันแผลทั่วตัว คำแรกที่เขาเอ่ยออกมาคือ “คอแห้งเหลือเกิน ขอเหล้าสักแก้ว” ถึงตอนนี้เวลากำลังงวดเข้ามาทุกที เพราะโทนี่ต้องชำระเบี้ยประกันชีวิตไมเคิลงวดถัดไปภายในเดือนกุมภาพันธ์
วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 1933 สี่สหายเลี้ยงสุราไมเคิลจนเมามายเหมือนเช่นเคยก่อนจะพาไปที่บ้านเช่าแห่งหนึ่ง คราวนี้พวกเขาช่วยกันใช้สายยางยัดใส่ปากไมเคิล ปลายสายยางอีกข้างหนึ่งต่อกับถังแก๊ส ทำให้ไมเคิลเสียชีวิตในที่สุด
ฟรานซิสติดสินบนนายแพทย์แฟรงค์ แมนเซลล่า ให้ออกใบมรณะว่าเสียชีวิตเพราะปอดบวม ก่อนจะรีบไปรับศพมาประกอบพิธีและฝังโดยทันที หลังจากนั้นก็นำกรมธรรม์และใบมรณบัตรไปขอรับเงินประกันชีวิต
เจ้าหน้าที่บริษัทประกันชีวิตตรวจสอบประวัติผู้มาดำเนินเรื่องขอรับเงินประกันชีวิต พบว่าบางคนเคยมีประวัติอาชญากรรมจึงแจ้งเรื่องให้ตำรวจช่วยตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตของไมเคิล มัลลอย หลังจากขุดร่างไมเคิลขึ้นมาผ่าชันสูตร พบว่าเขาเสียชีวิตเพราะสูดแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์
ฟรานซิส ปาสควา, เดเนียล ไครส์เบิร์ก, โจเซฟ เมอร์ฟี่ และโทนี่ มาริโน ถูกตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พวกเขาถูกศาลตัดสินประหารชีวิตด้วยการนั่งเก้าอี้ไฟฟ้า ส่วนแฮรี่ กรีน ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต
You must be logged in to post a comment Login