วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

อย่าเพิ่งนับศพ‘ชิน’! / โดย สนานจิตต์ บางสพาน

On August 7, 2017

คอลัมน์ : สากกะเบือยันเรือรบ

ผู้เขียน : สนานจิตต์ บางสพาน

“รัฏฐาธิปัตย์” ภายใต้รัฐบาลทหาร ครอบครองอำนาจมาขึ้นปีที่ 4 และประเทศไทยเข้าสู่การเปลี่ยนผ่านรัชกาล

เศรษฐกิจโลกถดถอย ดุลอำนาจของมหาอำนาจโลกเปลี่ยน เกาหลีเหนือเกรียนและสก๊อยจนซีไอเอ เคจีบี มอสสาด เอ็มไอ 6 ปวดกบาลและเวียนหัว

ไทยจากประเทศอันดับหนึ่งของประชาคมอาเซียน กลับกลายเป็นประเทศล้าหลังกว่า 10+1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่เว้นแม้แต่พม่า ลาว และเวียดนาม ไม่นับการถูกตั้ง “ข้อรังเกียจ” เป็นประเทศเผด็จการและมีรัฐบาลรัฐประหาร ซึ่งทำให้การเมืองระหว่างประเทศ การค้าขาย และการเปลี่ยนผ่านในทุกเรื่อง ทั้งแรงงานอพยพ นักท่องเที่ยว พ่อค้าแม่ขาย การแลกเปลี่ยนดูงานและการศึกษาชะงักงัน และ “เล่นยาก” กับการเมืองสองหน้า

บรรยากาศของเมืองไทยเหมือนกำลังเข้าสู่โหมดหรือสภาวะ “คิดถึงอดีตอันเรืองรอง” ปรากฏการณ์การถีบประเทศให้ถอยหลังไปสู่สิ่งที่เคยเห็น เคยเป็น และเคยอยู่ เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่รัฐธรรมนูญ การปรับเปลี่ยนกฎหมาย และการเข้ามาของ “ข้าราชการเกษียณ” สู่ความเป็น “นักการเมือง” ทำให้ประเทศไทยกำลังจะกลายเป็น “รัฐราชการ” รวมศูนย์อำนาจไว้ในคนชั้นสูงและกลุ่มทุนลูกครึ่งเจ๊กปนไทยที่ทั้งเกาะ ทั้งพิง ทั้งค้ำจุนและดันตัวเองกับบรรดาอีลิตเก่าในสังคมไทย

ในขณะที่คนชั้นกลางและรากหญ้าดำดิ่งสู่ความยากจนทุกข์ยากลำบาก ภาวะค้าขายฝืดเคือง เงินทองหายาก เงินออมหดหาย

“ตระกูลชิน” กลายเป็นสัญลักษณ์ที่ฝ่ายอำนาจรัฐและ “อำนาจผสม” ระหว่างเก่ากับใหม่ใช้เป็นสัญลักษณ์ทางการเมืองเอาไว้ล่อซื้อและรองเท้าเพื่อให้จมหายไปในปฐพีเมืองไทย “ตระกูลชิน” กลายเป็นทุนนิยมสามานย์ ขณะที่อีกกว่า 20 ตระกูลที่ครอบครองชีวิตคนไทยตั้งแต่หัวจดเท้ากลายเป็นผู้มาโปรดในนาม “ประชารัฐ”

กรณี “รับจำนำข้าว” เป็นสงครามยืดเยื้อระหว่างอำนาจรัฐเก่าผสมใหม่กับ “น้องสาว” ตัวแทนทุนนิยมสามานย์ มันก้าวข้ามเรื่อง “ส่วนตัว” ไปแล้ว กลายเป็นเรื่อง “ธุรกิจ” ที่ต้องล่อกันให้ตายไปข้าง พูดกันตรงๆ สนจ. ไม่ได้เดือดร้อนด้วยไม่ว่า “ยิ่งลักษณ์” จะติดคุกหรือไม่ เพราะตอนชีวิต สนจ. ลำบาก ไม่เห็น “ทักษิณ” หรือ “ยิ่งลักษณ์” มาดูดำดูดีหรือให้ยืมเงิน แต่ในฐานะนักข่าวเก่าที่ผ่านเรื่องแบบนี้มายาวนาน ฝ่ายหนึ่งบีบให้หนีเพื่อจะใช้เป็นข้ออ้างในการถล่มให้จมดินและเป็นตราบาปติดตัว

ฝ่าย “ยิ่งลักษณ์” ก็ตั้งหลักว่าไม่หนีและยอมติดคุก เมื่อทุกอย่างถูกขึงพืดอยู่แบบนี้ คนซวยและลำบากก็คือคนไทยทั้งประเทศ

เชื่อเถิดว่าสงครามยังไม่จบ และคู่สงครามไม่สนใจหรอกว่าชาวบ้านร้านตลาดจะเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า จะอยู่กันยังไงก็เรื่องของมึง กูจะล่อกันให้เห็นดำเห็นแดง คิดง่ายๆ ถ้าฝ่ายกุมอำนาจลากยาวอีก 20 ปี ฝ่ายที่ต้องสู้พลางถอยพลางหรืออาจจนตรอกที่คลองเปรมหรือบางขวาง ราคาต่อรองยังไม่เปิดว่า “ยิ่งลักษณ์” รอดหรือไม่ โต๊ะเถื่อนในกรุงเทพฯเปิดราคาเสมอ ขนาดกรณีขี้หมูราขี้หมาแห้งอย่าง “หมอเลี้ยบ” สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี หรือ “พี่ตู่” ยังต้องเข้าไปอยู่หลังกรง

ทั้งหมดนี้เราชาวบ้านคงทำได้แค่นั่งดู ระหว่างนั้นก็ดิ้นรนกันเอาเอง คืออยู่ให้รอด อยู่ให้ได้ และอยู่ให้เป็น ที่เหลือก็คือรอเวลา รอพิสูจน์สัจธรรมและพลวัตของการเปลี่ยนแปลง จะฝืนโลกอยู่ได้ยังไงเมื่อชาวโลกเขาไปถึงไหนต่อไหนแล้ว


You must be logged in to post a comment Login