- อย่าไปอินPosted 4 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 22 hours ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 2 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 3 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 4 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
ปริศนาในหุบเขามรณะ / โดย ศิลป์ อิศเรศ
คอลัมน์ : ร้ายสาระ
ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ
ทะเลทรายด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกาบริเวณเขตแดนระหว่างรัฐแคลิฟอร์เนียกับรัฐเนวาดาเป็นพื้นที่กันดารที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง แต่ละปีแทบไม่มีฝนตกเลยแม้แต่หยดเดียว อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 47 องศาเซลเซียส ดินแดนแห่งนี้จึงถูกเรียกว่า “หุบเขามรณะ” แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีนักท่องเที่ยวบางคนดั้นด้นเดินทางเข้าไป หลายคนกลับออกมาอย่างปลอดภัย แต่หลายคนต้องจบชีวิตที่นั่นอย่างมี “ปริศนา”
หุบเขามรณะมีเนื้อที่ 7,800 ตารางกิโลเมตร อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล 86 เมตร ถูกล้อมรอบด้วยทิวเขาหลายลูกทำให้มีลักษณะเป็นแอ่งกระทะ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมถึงได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ที่ร้อนระอุที่สุดในโลก จากสถิติที่จดบันทึกเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 1913 มีอุณภูมิสูงถึง 56.7 องศาเซลเซียส
วันที่ 10 กรกฎาคม 1958 เรืออากาศโทพอล ไบรอน วิพคีย์ นักบินประจำการค่ายฟอร์ตออร์ด รัฐแคลิฟอร์เนีย บอกกับเพื่อนว่าจะขับรถออกไปกินเหล้าที่เมืองใกล้ๆ หลังจากนั้นหลายชั่วโมงต่อมามีผู้พบเห็นพอลมุ่งหน้าไปที่ทะเลทรายโมฮาวีที่อยู่ไกลออกไปจากค่ายทหารหลายร้อยไมล์ พอลลงชื่อเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง วันรุ่งขึ้นเขาซื้อน้ำมันใส่ถัง 53 ลิตร ก่อนจะขับรถหายไป
5 สัปดาห์ต่อมา เจ้าหน้าที่ศูนย์กีฬาล่าสัตว์พบรถของพอลถูกทิ้งที่กลางหุบเขามรณะห่างจากถนน 15 ไมล์ และห่างจากค่ายทหารที่จากมา 400 ไมล์ ภายในรถพบเพียงกระเป๋าเดินทางและของใช้ส่วนตัวบางอย่าง แต่ไม่มีร่องรอยของพอล
มีเงื่อนงำ
เมื่อไม่พบร่างของพอล กองทัพอากาศแทงเรื่องว่า “หนีทหาร” แต่คาร์ล วิพคีย์ น้องชายของพอล ไม่เชื่อเช่นนั้น เขาทำหนังสือร้องเรียนถึงกระทรวงยุติธรรมเรียกร้องให้ทำการสืบสวน เพราะเชื่อว่าพอลถูกกระทำให้สูญหาย โดยให้เหตุผลว่าก่อนหน้าที่จะหายตัวไปไม่กี่วันพอลมีอาการเจ็บป่วย ตื่นตกใจ และมีตุ่มขึ้นตามร่างกาย เขาอาจถูกสารพิษบางอย่างหรืออาจถูกจับเป็นหนูลองยาลับบางอย่าง
ยิ่งไปกว่านั้นยังพบอีกว่าพอลถูกถอนฟันออกไปหลายซี่แล้วใส่ฟันปลอมแทน FBI ยื่นมือมาทำการสืบสวน แต่เรื่องก็เงียบหายไป หลายปีผ่านไปคาร์ลเรียกร้องให้ FBI เปิดเผยการสืบสวนคดี แต่ FBI อ้างว่าเอกสารดังกล่าวถูกทำลายไปตั้งแต่ปี 1977 การสูญหายของพอลจึงกลายเป็นปริศนาตลอดกาล
เดือนกรกฎาคม 1996 นักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน 4 คน ประกอบด้วย คอร์นิเลีย เมเยอร์ วัย 24 ปี และแม็กซ์ บุตรชายวัย 4 ขวบ พร้อมกับเอกเบิร์ต ริมกุส แฟนหนุ่มวัย 34 ปี และจอร์จ บุตรชายวัย 10 ขวบ เดินทางมาเที่ยวลาสเวกัสก่อนจะเช่ารถมินิแวนขับเข้าไปเที่ยวเล่นในเขตหุบเขามรณะ
ช่วงเวลานั้นไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะเดินทางไปหุบเขามรณะ เพราะมีอุณหภูมิสูงถึง 50 องศาเซลเซียส วันที่ 22 กรกฎาคม คอร์นิเลียและเอกเบิร์ตแวะที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเพื่อซื้อแผนที่ ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่มีผู้พบเห็นนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันก่อนที่พวกเขาจะขับรถหายไปในทะเลทราย
พวกเขาจองตั๋วเครื่องบินเพื่อเดินทางกลับเยอรมนีในวันที่ 29 กรกฎาคม แต่พวกเขาไม่ได้ไปขึ้นเครื่องตามกำหนดการ ญาติๆจึงแจ้งให้ตำรวจอเมริกันช่วยตามหาตัว จากการสืบสวนพบว่าพวกเขาไปเขียนข้อความเป็นภาษาเยอรมันในสมุดเยี่ยมที่แขวนไว้ข้างเสาไฟฟ้าในเมืองร้างแห่งหนึ่งแถบวอร์มสปริงแคนยอน
“เรากำลังจะไปทางผ่านนั้น” ลงชื่อ คอร์นิเลีย, แม็กซ์, เอกเบิร์ต, จอร์จ ไม่มีใครรู้ว่า “ทางผ่านนั้น” ที่พวกเขาพูดถึงคือที่ไหน ตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นทางผ่านเมนเจิล อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของหุบเขามรณะ ซึ่งเป็นเขตที่ทุรกันดารอย่างยิ่งยวด
เหลือเพียงโครงกระดูก
วันที่ 23 ตุลาคม 1996 เครื่องบินลาดตระเวนพบซากรถมินิแวนของนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันจอดอยู่กลางหุบเขามรณะ ห่างไกลจากเส้นทางที่เป็นถนน ภายในรถมีเพียงเอกสารแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ขวดน้ำว่างเปล่า และถุงนอนกับรองเท้าเด็ก 1 ข้าง แต่ไม่มีร่องรอยใดๆรอบตัวรถ เหมือนกับว่าพวกเขาหายตัวไปเฉยๆ
เจ้าหน้าที่ระดมกำลังพลกว่า 200 คนออกค้นหาโดยรถยนต์ ม้า เดินเท้า และเฮลิคอปเตอร์ แต่ไม่พบร่องรอยใดๆทั้งสิ้น ตำรวจสันนิษฐานว่านักท่องเที่ยวชาวเยอรมันบังเอิญไปเจอเข้ากับแก๊งลักลอบขนยาเสพติด จึงถูกคนร้ายลากตัวไปสังหารเพื่อปิดปาก
ปี 2009 นักปีนเขา 2 คน พบโครงกระดูกมนุษย์ในทะเลทรายโมฮาวี โครงกระดูกหนึ่งเป็นเพศชาย ส่วนอีกโครงกระดูกหนึ่งเป็นเพศหญิง ตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นโครงกระดูกของคอร์นิเลียและเอกเบิร์ต แต่ไม่พบโครงกระดูกของเด็ก โชคร้ายที่แสงแดดที่รุนแรงได้ทำลายโครงกระดูกจนไม่สามารถตรวจสอบ DNA ได้
ทุกศพล้วนมีปริศนา
ปี 1998 หลังจากการ์โลส แคสเทนด้า เจ้าของลัทธินิวเอจ เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอด สาวกคนสนิท 5 คน ประกอบด้วย แพทริเซีย ลี พาร์ติน, ฟลอรินดา ดอนเนอร์กรู, ไทชา อบีลาร์, อมาเลีย มาร์เควซ และไคไล ลันดาฮ์ล ขับรถยนต์ส่วนตัวหายไปในทะเลทรายโมฮาวี
ปี 2003 มีคนพบโครงกระดูกถูกฝังในทรายครึ่งตัว จากการชันสูตรพบว่าเป็นโครงกระดูกของแพทริเซีย แต่ไม่พบร่างของสาวกอีก 4 คนที่เหลือ ตำรวจสันนิษฐานว่าแพทริเซียตัดสินใจปลิดชีพตัวเองเพื่อตายตามเจ้าของลัทธินิวเอจ แต่อะไรคือเหตุผลที่พวกเธอต้องมาฆ่าตัวตายในแดนทุรกันดารเช่นนี้
เดือนกรกฎาคม 2013 ไรอัน ซิงเกิลตัน นักแสดงและนายแบบหนุ่มวัย 24 ปี เดินทางมาพักผ่อนที่เมืองลอสแอนเจลิส จากนั้นเขาเช่ารถยนต์ขับไปที่ลาสเวกัส วันที่ 9 กรกฎาคม ไรอันเดินทางออกจากลาสเวกัสเพื่อเดินทางกลับลอสแอนเจลิส โดยใช้เส้นทางผ่านทะเลทรายโมฮาวี
ระหว่างเดินทางกลับเครื่องยนต์เกิดขัดข้องที่บริเวณใกล้กับเมืองเบเกอร์ ไรอันจึงต้องลงเดินเท้าเพื่อขอความช่วยเหลือ โชคดีที่มีรถสายตรวจผ่านมาพบจึงรับเขาไปส่งที่ปั๊มน้ำมัน ไรอันโทรศัพท์เรียกเพื่อนให้มารับ หลังจากนั้นเขาก็หายตัวไปเฉยๆ ไม่มีใครพบเห็นเขาอีกเลย
74 วันต่อมา มีคนพบร่างของไรอันที่กลางทะเลทรายห่างจากปั๊มน้ำมัน 2 ไมล์ ที่น่าตกใจคืออวัยวะภายในหายไปเกือบหมด ตำรวจสันนิษฐานว่าถูกสัตว์ป่ากัดแทะ ทั้งๆที่เนื้อเยื่อส่วนใหญ่ไม่ถูกแตะต้องแม้แต่น้อย และการชันสูตรไม่สามารถระบุสาเหตุการตายได้
สภาพทางภูมิศาสตร์ของหุบเขามรณะก็มีความน่ากลัวมากพออยู่แล้ว ปริศนาการเสียชีวิตของผู้ที่ย่างกรายเข้าไปโดยหาสาเหตุการเสียชีวิตไม่ได้ยิ่งทำให้ดินแดนแห่งนี้มีความลึกลับมากยิ่งขึ้นไปอีก
You must be logged in to post a comment Login