วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

จำใจจำนน?

On August 24, 2017

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

แม้ท่านผู้นำจะบอกว่า “เสียเวลา เสียสมอง และเสียงบประมาณ โดยไม่ใช่เรื่อง” ที่จะไปให้ความสำคัญกับการเคลื่อนไหวของมวลชนที่จะมาให้กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดอ่านคำพิพากษาคดีรับจำนำข้าววันที่ 25 สิงหาคมนี้ แต่บริวารของท่านผู้นำจำนวนไม่น้อยต่างทุ่มทั้งเวลา สมอง งบประมาณ เพื่องานนี้โดยเฉพาะ

การจัดวางกำลังเตรียมแผนรับมือวันอ่านคำพิพากษาที่ว่าคึกคักแล้ว ความเคลื่อนไหวในพื้นที่ต่างจังหวัดก่อนถึงวันอ่านคำพิพากษากลับยิ่งคึกคักมากกว่า เมื่อมีข้อมูลว่ากองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ได้ลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับมวลชนอย่างต่อเนื่องเพื่อขอความร่วมมือไม่ให้เดินทางมาที่หน้าศาลฎีกาฯ โดยให้เหตุผลว่าพื้นที่คับแคบไม่สะดวกสบาย เดินทางลำบากการจราจรคับคั่ง

นอกจากนี้ ยังมีการห้ามปราบผู้ประกอบการรถโดยสารไม่ให้รับงานเหมาเพื่อขนส่งประชาชนไปยังหน้าศาลฎีกาฯ โดยใช้กฎหมายขนส่งในการป้องปรามและทำให้เห็นเป็นตัวอย่างมาแล้วจากการออกหมายเรียกให้เสียค่าปรับวิ่งรถนอกเส้นทางรับอนุญาตในวันที่พามวลชนไปให้กำลังใจอดีตนายกฯวันแถลงปิดคดีด้วยวาจาช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา

การดำเนินการดังกล่าวทำให้ฝ่ายความมั่นคงมั่นใจว่าตัวเลขประชาชนที่หน้าศาลฎีกาฯในวันอ่านคำพิพากษาศุกร์นี้จะมีไม่เกิน 3,000 คน ส่วนมากจะเป็นประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ส่วนประชาชนจากทางภาคเหนือ ภาคอีสานที่หวังว่าจะมากันจำนวนมากนั้นประเมินไว้ว่าไม่น่าเกิน 1,000 คน

หน่วยข่าวยังประเมินด้วยว่าคนที่จะมาให้กำลังใจอดีตนายกฯส่วนมากจะเป็นผู้หญิงวัยกลางคนขึ้นไป อายุเฉลี่ยประมาณ 30-40 ปี ส่วนคนที่มีอายุน้อยกว่านั้นจะมาไม่มาก

อย่างไรก็ตาม แม้จะประเมินว่ามีมวลชนเดินทางมาหน้าศาลฎีกาฯไม่มาก แต่ก็จัดกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่โดยมาจาก บช.ภ.8 และ9 จำนวน 21 กองร้อย และ บช.น. อีก 3 กองร้อย พร้อมตั้งจุดตรวจค้นจำนวน 3 จุด บริเวณทางเข้าและที่คาดว่าจะมีมวลชนเดินทางเข้า-ออก

ขณะที่เครื่องมือทางกฎหมายที่จะใช้ควบคุมฝูงชนจัดเต็มทั้ง พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะปี 58 ประกาศ คสช.ฉบับที่ 3 และกฎหมายเกี่ยวกับการละเมิดเขตอำนาจศาล

ด้านความเคลื่อนไหวของอดีตนายกฯ ยังเดินสายทำบุญตามปรกติ ขณะที่ทนายความยอมรับว่ามีท่าทีไม่สบายใจนัก

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากท่าทีของ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย ที่เรียกร้องให้ประชาชนที่จะเดินทางมาให้กำลังใจประพฤติตัวอยู่ในกรอบของกฎหมาย อยู่ในความสงบ พร้อมจัดนักการเมืองไปช่วยประสานงานดูแลอำนวยความสะดวกกับประชาชนอีกทางหนึ่ง

สำคัญที่สุดคือการประกาศย้ำให้ประชาชนที่สนับสนุนอดีตนายกฯทราบว่าตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพ.ศ. 2560 มาตรา 195 วรรค 4 ระบุว่า คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้อุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้ภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่มีคำพิพากษา ดังนั้น คดีอาจถือว่ายังไม่ถึงที่สุดในวันที่ 25 สิงหาคม นี้ จึงเรียนมาเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบและทำความเข้าใจในกระบวนการและรับฟังคำพิพากษาอย่างมีสติ

ประกาศอย่างนี้ชัดเจนว่ารับสภาพอะไรจะเกิดก็เกิด ไม่ได้มีแผนสองแผนสามสำหรับการเคลื่อนไหวขยายผลอะไร


You must be logged in to post a comment Login