- ต้องควบคุมผัสสะให้ดีPosted 7 hours ago
- วัดสวนแก้วจัดงานวันเด็กปี 68Posted 1 day ago
- ว่าด้วย “นิสมฺม กรณํ เสยฺโย”Posted 2 days ago
- สร้างบารมีพาอยู่เย็นเป็นสุขPosted 3 days ago
- ต้องทำชีวิตให้ดีกว่าเก่าPosted 4 days ago
- สิ่งที่อยากเห็นในปี 68Posted 1 week ago
- เล่นอะไรที่สร้างสรรค์ดีกว่าPosted 1 week ago
- ปีใหม่ขอให้มีสติปัญญาใหม่ๆPosted 1 week ago
- ความรู้วิเศษช่วยลดทุกข์Posted 1 week ago
- แก้สันดานหัวดื้อให้หายดื้อPosted 2 weeks ago
คดีทำให้เกิดบุญ / โดย พระพยอม กัลยาโณ
คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม
ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ
อาตมาทิ้งท้ายเรื่องค่าใช้จ่ายในการขึ้นศาลว่า นึกสงสารศาลเหมือนกัน เพราะต้องใช้เจ้าหน้าที่ พนักงานก็เยอะ เอกสารอะไรก็เยอะ ทั้งยังมีค่าใช้จ่ายค่าน้ำค่าไฟและอะไรอีกเต็มไปหมด อาตมายังกล่าวถึงในหลวงรัชกาล 10 ทรงเป็นห่วงประชาชนที่ยากจนจะมีปัญหาค่าใช้จ่ายมาต่อสู้คดีความ เลยนั่งคิดว่า คนเราถ้ารู้จักยอมกันบ้าง อย่ามุ่งเอาแต่ชนะคะคานกัน แพ้ยังไล่ฆ่ากันอีก อันนี้เป็นเรื่องน่าสมเพชเวทนา
อาตมาเองก็มีคดีที่ดินถุงกล้วยแขก ก็อยากให้มองเรื่องคดีให้เกิดบุญ อาตมาได้เขียนหนังสือเตือนสติกรมที่ดินไปเรื่อยๆ เชื่อว่ากรมที่ดินคงเกิดความระมัดระวังไม่ทำอะไรผิดพลาดอีก หรือมีการทุจริตคอร์รัปชันมากขึ้น เพราะกรมที่ดินเคยติดอันดับ 1 หน่วยงานที่มีการคอร์รัปชัน แต่ปีนี้ก็ดีขึ้นมาอยู่อับดับที่ 3-4 ถ้ากรมที่ดินไม่โกง คนไทยคงมีความสุขอีกเยอะ คงไม่มีคนผูกคอตายในคุกอย่างน่าสงสัยของอดีตเจ้าหน้าที่กรมที่ดินพังงา ที่เกี่ยวข้องกับการออกโฉนดไม่ชอบด้วยกฎหมายมากมาย เพื่อสนองคนระดับบิ๊กๆ แม้แต่ศาลยังเชื่อว่าเป็นการฆ่าตัดตอนมากกว่า
อย่างของอาตมาเป็นเรื่องโฉนดที่โอนแล้วไม่มีสิทธิ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมที่ดินเป็นผู้ออกเองและมีการเก็บเงินค่าธรรมเนียมต่างๆ แทนที่เจ้าหน้าที่จะไม่ให้มีการโอนหรือซื้อขายเพราะต้องเป็นผู้คุ้มครองประชาชนว่าโอนหรือซื้อขายไม่ได้ จะได้ไม่เกิดความเสียหายแก่ผู้ซื้อที่เป็นคนภายนอก หรือถ้าโอนไปแล้วเกิดความเสียหายก็ต้องมีการเยียวยา ไม่ใช่ปล่อยให้ผู้ซื้อเสียหายฟรีๆ เปล่าๆ อันนี้เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ไม่ฉลาดในการบริหาร ประชาชนก็เลยรับกรรมกันไปเรื่อยๆ
อาตมาก็บอกว่า เหมือนที่ดินชายทะเล ถ้าถูกน้ำเซาะอย่างที่บางขุนเทียนที่แต่ละปีถูกน้ำเซาะหายไป 4-5 ไร่ ก็ต้องเอาไม้ไผ่ไปกั้น เอาหินไปใส่เพื่อรักษาไว้ เหมือนอุทกภัย วาตภัยและอัคคีภัยต่างๆ ก็ต้องการมีการป้องแก้ไข แต่โดน “บุคลาภัย” หรือ “บุคคลภัย” อย่างโยมที่เอาที่ดินมาขายให้วัด วัดก็ไม่ได้ทำโฉนดได้เองนะจะไปตัดตอนอะไรกันนี้นี่ก็มีกรรมร่วมกันเยอะ เพียงแต่ใครจะมีความเป็นมนุษย์ที่แสดงความรับผิดชอบมากน้อยแค่ไหน ใครจะเอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้คนอื่น ให้เขาขมขื่นข้างเดียว ทั้งที่ตัวเองก็มีเอี่ยว เรื่องนี้แม้แต่อดีตรองอธิบดีกรมที่ดินก็เคยพูดว่า กรมที่ดินมีส่วนในความผิดพลาดครั้งนี้ เพราะเป็นผู้ออกโฉนด แต่ก็มีการโยนไปที่ศาลว่าเพราะศาลสั่ง
เรื่องของ “บุคคลเซาะ” ที่เป็นภัยคือไปเซาะที่ดินของโยมมาขาย แล้วตอนนี้มันยังมีสาธารณภัย คือ ภัยเกิดจากถนนสาธารณะ ที่ดิน 1 แปลงใหญ่ถูกหั่นเป็น 3 ส่วน ถนนไป 1 ส่วน ที่จะมาขายวัด 1 ส่วน แต่แปลกมั้ยหากเป็นสาธารณภัย หากศาลตัดสินให้ที่สาธารณะแพ้ก็จะไม่มีถนนเดินกัน ถนนใช้มาตั้ง 10-30 ปีแล้ว นี่ลองคิดดูว่ามันนานแค่ไหน หากที่ดินโดนน้ำเซาะ มันก็ต้องเอาที่เหลืออยู่เป็นของแผ่นดินไป ที่โยมแกเซาะเอามาขายวัด มันก็น่าจะเป็นของวัด เพราะตรงถนนก็ยังเป็นถนน เป็นที่สาธารณะ ทำไมที่ดินส่วนของวัดจึงไม่เป็นของวัด ไม่เป็นสมบัติของแผ่นดิน นี่เป็นเรื่องแปลก ที่ดินที่ส่วนรวมใช้กันมา ใช้กันตั้งหลายตระกูล ไม่ใช่ตระกูลเดียว ก็ฝากไว้เท่านี้
เจริญพร
You must be logged in to post a comment Login