- ปีดับคนดังPosted 14 hours ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 2 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 3 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 4 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 7 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
ต่างเผ่าต่างพันธุ์ แต่เป็นมนุษย์เหมือนกัน / โดย บรรจง บินกาซัน
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
ความรู้สึกว่าเผ่าพันธุ์ของตนมีความเหนือกว่าเผ่าพันธุ์อื่นยังไม่หมดไปจากมนุษย์ ฝรั่งผิวขาวบางคนยังเชื่อว่าคนผิวขาวเป็นเผ่าพันธุ์ที่เหนือกว่าคนผิวสี (White Supremacist) ความรู้สึกเช่นนี้มีมานานนับพันปีแล้ว มันเป็นมลทินอย่างหนึ่งที่เกาะกินจิตใจของมนุษย์ และศาสนาพยายามขจัดหรือซักฟอกมลทินนี้ให้หมดไป เพราะมลทินนี้เองที่ทำให้มนุษย์กลุ่มหนึ่งเหยียดหยามและกดขี่คนอีกกลุ่มหนึ่ง
ฟาโรห์ไม่เพียงแต่ถือว่าตัวเขาเหนือกว่าพลเมืองที่เขาปกครอง แต่เขายังตั้งตัวเองเป็นพระเจ้าที่ผู้อยู่ใต้การปกครองของเขาต้องเคารพสักการะ โมเสสผู้เป็นลูกหลานอิสราเอลที่ตกเป็นทาสของฟาโรห์จึงถูกพระเจ้าส่งมาบอกฟาโรห์ว่า เขาไม่ใช่พระเจ้า แต่เขาเป็นมนุษย์เหมือนกับคนอื่นที่ต้องก้มกราบสักการะพระเจ้าที่แท้จริง แต่ฟาโรห์ไม่เชื่อ เขาจึงต้องประสบความตายอย่างน่าอนาถในทะเลแดง และศพของเขาถูกเก็บรักษาไว้เพื่อเป็นหลักฐานให้มนุษย์ได้รู้ว่าชะตากรรมของคนที่โอหังตั้งตัวเองเหนือกว่ามนุษย์คนอื่นนั้นเป็นเช่นไร
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาลูกหลานอิสราเอล และเรื่องราวตอนนั้นถูกบันทึกไว้ในคัมภีร์ที่พวกลูกหลานอิสราเอลนับถือ แต่เป็นเรื่องแปลกที่ต่อมาพวกลูกหลานอิสราเอลกลับสำคัญตนผิดคิดว่าเผ่าพันธุ์ของตนเองเหนือกว่ามนุษย์เผ่าพันธุ์อื่น
ในสมัยนบีมุฮัมมัด ลูกหลานอิสราเอล 3 เผ่าได้อพยพลี้ภัยไปอยู่ในเมืองยัษริบ (มะดีนะฮฺ) ในทะเลทรายอาหรับ และทุกคนรอคอยบุคคลที่จะมาช่วยพวกเขาเหมือนกับที่บรรพบุรุษพวกเขาวิงวอนขอต่อพระเจ้าให้มาช่วยเหลือพวกเขาให้พ้นจากความเป็นทาสของฟาโรห์ แต่เมื่อนบีมุฮัมมัดบอกพวกลูกหลานอิสราเอลว่าตัวท่านคือบุคคลที่คัมภีร์ของพวกเขากล่าวไว้ พวกลูกหลานอิสราเอลกลับไม่เชื่อและต่อต้านท่าน
เหตุผลที่พวกลูกหลานอิสราเอลปฏิเสธนบีมุฮัมมัดว่ามิใช่บุคคลที่คัมภีร์ของพวกเขากล่าวไว้ก็คือ นบีมุฮัมมัดเป็นชนชาติอาหรับที่ไร้การศึกษา ไร้ศาสนา ไร้คัมภีร์ทางศาสนา และบรรพบุรุษของนบีมุฮัมมัดไม่เคยมีนบีหรือศาสดา แต่พวกลูกหลานอิสราเอลลืมไปว่าบรรพบุรุษของนบีมุฮัมมัดคืออับราฮัม ผู้เป็นบรรพบุรุษของพวกเขาเช่นกัน แม้นบีมุฮัมมัดจะแสดงหลักฐานต่างๆให้พวกลูกหลานอิสราเอลเป็นที่ประจักษ์แล้ว แต่ความอคติที่เกิดจากการเหยียดชนชาติอาหรับทำให้พวกลูกหลานอิสราเอลปฏิเสธนบีมุฮัมมัดอย่างหัวชนฝา
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมคัมภีร์กุรอานจึงได้มีการบอกเล่าเรื่องราวการสร้างอาดัม ซึ่งมีกล่าวไว้แล้วในคัมภีร์โตราห์ที่พวกลูกหลานอิสราเอลนับถือ
คัมภีร์กุรอานเล่าว่า พระเจ้าสร้างอาดัมขึ้นมาจากดินและทรงเป่าวิญญาณเข้าไปในดิน ดินจึงมีชีวิตเป็นมนุษย์คนแรกที่มีชื่อว่าอาดัม เมื่อสร้างอาดัมขึ้นมาแล้ว พระองค์ได้สอนความรู้และประทานความสามารถให้แก่อาดัม หลังจากนั้นพระองค์ได้ทรงบัญชาให้ทุกสิ่งกราบแสดงความนบนอบต่ออาดัม แต่อิบลีส ตัวแทนของซาตาน ไม่ยอมก้มกราบตามคำบัญชา โดยอ้างว่ามันถูกสร้างมาจากไฟ มันเหนือกว่าอาดัม เพราะอาดัมถูกสร้างมาจากดิน
ความรู้สึกว่าตัวเองมีต้นกำเนิดที่เหนือกว่านี้เอง ทำให้มันโอหังถึงขั้นกล้าปฏิเสธคำบัญชาของพระเจ้าผู้สร้างมันขึ้นมา มันลืมไปว่าถึงแม้จะถูกสร้างมาจากไฟ แต่มันก็เป็นสิ่งที่ถูกสร้างและเป็นบ่าวของพระเจ้าเหมือนกับสิ่งอื่นๆที่ต้องเชื่อฟังพระเจ้า
เรื่องราวการสร้างอาดัมถูกประทานอีกครั้งแก่นบีมุฮัมมัดก็เพื่อที่จะเหน็บแนมพวกลูกหลานอิสราเอลว่า หากมนุษย์คนใดทะนงตนถือว่าเผ่าพันธุ์ตัวเองเหนือกว่าเผ่าพันธุ์อื่น มนุษย์คนนั้นก็มีทรรศนะและพฤติกรรมไม่ต่างอะไรไปจากอิบลีสหัวหน้าซาตานที่โอหังต่อพระเจ้า
ในการทำฮัจญ์ครั้งสุดท้ายตอนบั้นปลายชีวิต นบีมุฮัมมัดได้กล่าวโอวาทตักเตือนบรรดาสาวกอย่างยืดยาว ซึ่งตอนหนึ่งท่านกล่าวว่า “…พวกท่านทั้งหลาย ชาวอาหรับมิได้เหนือกว่าคนที่มิใช่อาหรับ คนที่มิใช่อาหรับก็มิได้เหนือกว่าชาวอาหรับ คนขาวมิได้เหนือกว่าคนดำ และคนดำก็มิได้เหนือกว่าคนขาว นอกจากโดยความยำเกรงพระเจ้า…”
You must be logged in to post a comment Login