- เรื่องยังไม่จบPosted 1 day ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 2 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 3 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 6 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 7 days ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 1 week ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
- บทเรียนพระสายมูPosted 2 weeks ago
ไม่เจ็บฟรี / โดย พระพยอม กัลยาโณ
คอลัมน์ : พระพยอมวันนี้
ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ
คนเราเกิดมายังไงก็ต้องมีอุบัติเหตุ เจ็บป่วย แต่เจ็บอย่างไรถึงจะเรียกว่า “ไม่เจ็บฟรี” บางคนเจ็บฟรีคือ เจ็บกายนี่เจ็บจริง แต่ยังเจ็บใจเจ็บฟรีอีก ใครที่ทำให้เราเจ็บกายแล้วเราไปเจ็บใจเขา เท่ากับเราเจ็บฟรีที่ไปเจ็บใจเขา ถ้าไปทำให้เขาเจ็บเราก็ยิ่งเจ็บฟรีเพิ่มขึ้นอีก
เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ อาตมาเมื่อไม่กี่วันบังเอิญเจ็บหนักทางร่างกาย เจ็บจริง แต่พยายามทำไม่ให้เจ็บฟรีคือ ไม่เจ็บจนออกบิณฑบาตไม่ได้ ไม่เจ็บใจว่าเราซุ่มซ่าม เพราะฝนตก ลานหินอ่อนมันลื่น บวกกับรองเท้าที่หมดสภาพเกาะพื้นเพราะถูกใช้มานาน บวกกับรองเท้าเปรอะเลนอีก เลย 3 เด้ง ฝนตก รองเท้าหมดสภาพ แถมมีดินเหนียวมาติดอีก เลยลื่นหงายหลังไปกระแทกกับขอบปูนขอบบันได เย็บ 11 เข็ม ร่ายกายเจ็บจริง แต่ถ้านอนเจ็บปวดใจอยู่ เราก็ไปไหนไม่ได้ ไปบิณฑบาตโยมก็ถามว่าโดนใครตีมา อาตมาบอกว่ามันล้มไป
กรณีคุณพัชรี ปั้นทอง แม่ของน้องพลอย ลูกสาวเจ็บจริง เจ็บถึงตาย แต่แม่เจ็บฟรีเพราะเจ็บใจร้องไห้อยู่เรื่อย ร้องมากเท่าไรก็เจ็บฟรีไปเท่านั้น ยิ่งไปอาฆาต ไม่ให้อภัย ผูกใจเจ็บก็ยิ่งเจ็บใจ ยังไงลูกก็ไม่ฟื้นอยู่ดี หลวงพ่อพุทธทาสบอกว่า ความเจ็บไข้มาตักเตือนให้เราฉลาด ถ้าเราเจ็บไข้ทางร่างกายนี่เจ็บจริงแน่นอน แต่อย่าเจ็บฟรีได้มั้ยคืออย่านอนทุกข์
พระพุทธเจ้าตรัสว่า พระอรหันต์ยังเจ็บไข้ ท่านก็เจ็บ แต่เจ็บกาย ใจไม่เจ็บไม่ปวดทรมานแบบสาหัสสากรรจ์ไปด้วย คือรู้จักทำให้ชีวิตที่ป่วยไข้มีความสบายให้ปรากฏแก่จิตใจ ไม่ปล่อยให้ระทมขมขื่นเจ็บปวดทรมาน คือทำให้สบายเท่าที่เราจะสบายได้ รู้จักเอาผ้าชุบน้ำอุ่นมาเช็ดตัวให้สบาย สบายพอประมาณ จะให้สบายเหมือนตอนไม่ป่วยเป็นไปไม่ได้ ต้องพบกันครึ่งทาง สบายแบบป่วยดีกว่าป่วยแล้วตรอมใจระทมขมขื่นทุกข์หนัก
ที่สำคัญป่วยแล้วต้องทำให้ฉลาด มองให้ทะลุปรุโปร่งว่าไม่ใช่ร่างกายเราจริงๆ แม้ร่างกายเจ็บ แต่ใจและสมองยังได้สติปัญญา ไม่ใช่ใครมาทำให้เจ็บทางร่างกายแล้วเราเอาแต่เจ็บใจ จะไปเอาคืนเขา ไปฆ่าเขาหมดทั้งบ้านอะไรอย่างนี้ นี่เจ็บฟรี ติดคุก บางคนไม่ได้ฆ่าเขา แต่ติดคุกฟรี เพราะปากไม่ดี
เราเจ็บป่วยต้องเจ็บป่วยแบบฉลาดจะได้ไม่เจ็บฟรี ร่างกายเจ็บก็รักษาไป อาตมาก็เอกซเรย์ สแกนสมอง หมดไป 2-3 หมื่นบาท เงินทองที่ได้มาก็เพื่อรักษา อย่างที่เขาบอกว่ายอมเสียทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ ยอมเสียอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต ยอมรักษาธรรมเพื่อรักษาทุกอย่างเอาไว้ให้ได้ คือป่วยไข้แบบฉลาด สละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ สละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต และสละชีวิตเพื่อรักษาธรรม
อย่าไปนั่งหดหู่ท้อแท้ ระทมขมขื่น เป็นทุกข์จนหาความสุขอะไรไม่ได้ ถ้าเจ็บแบบฉลาดจะได้มรรคได้ผล ได้สติปัญญา ทำให้รู้เท่ารู้ทัน รู้แก้รู้กัน ไม่ปล่อยให้ความทุกข์ครอบงำจนไม่ได้สติปัญญา อย่างนี้ก็ไม่ถูก เพราะฉะนั้นเราต้องเพิ่มความรู้ความเข้าใจเรื่องเจ็บไข้ให้ดี ศึกษาเรียนรู้ให้แจ่มแจ้ง อย่าปล่อยให้ความเจ็บไข้มากลุ้มรุมทำให้ระทมทุกข์จนไม่มีความสุข ต้องรู้จักประมาณ ไม่โวยวาย ทุกข์เวทนาเพราะการเจ็บไข้ จนคนดูแลรักษาพยาบาลเอือมระอาไปด้วย
เพราะฉะนั้นขอให้ทุกคนเตรียมตัวเตรียมใจ ฝึกฝน ศึกษาเรียนรู้ เพื่อดูแลรักษาใจในยามเจ็บไข้ให้ฉลาด เราจะได้ไม่เจ็บฟรี มันเสียหน้าในความเป็นมนุษย์ที่พบพระพุทธศาสนา พระอรหันต์ท่านบอกว่า ร่างกายท่านเสียดแทงด้วยโรคภัย แต่ใจไม่ให้เสียดแทงให้ทุกข์ทรมานไปด้วย เพราะธรรมะมันช่วย ดังนั้น รู้ธรรมะไว้รักษาใจในยามป่วยยามไข้กันนะ
เจริญพร
You must be logged in to post a comment Login