วันจันทร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2568

ชาวนากับโครงการรับจำนำข้าว / โดย waymagazine.org

On August 28, 2017

คอลัมน์ : ข่าวไร้พรมแดน

ผู้เขียน : waymagazine.org

วันที่ 25 สิงหาคม วันตัดสินคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวภายใต้การบริหารของอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ว่าผลการตัดสินจะเป็นเช่นไร ปฏิเสธไม่ได้ว่าคดีนี้มีความสำคัญ และอาจเป็นบรรทัดฐานบางประการในการเอาผิดเชิงนโยบายต่อผู้บริหารประเทศในนามของรัฐบาลชุดต่อๆไป

ทว่าก่อนจะไปถึงคำตัดสินนั้น คำถามหนึ่งที่สังคมยังคงสงสัยกันก็คือ โครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดให้ความสำคัญกับชาวนาในฐานะกระดูกสันหลังของชาติจริงหรือ และถ้าการรับจำนำข้าวไม่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาความยากจนของเกษตรกร ชาวนาชาวไร่แล้ว วิธีไหนที่จะเหมาะสม และแนวทางในการแก้ไขปัญหา คำถามเหล่านี้นำมาสู่งานเสวนาในหัวข้อที่ชื่อ “ไม่จำนำข้าวแล้วเอาอะไร? แนวทางแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตร” ซึ่งจัดขึ้นโดยพรรคใต้เตียง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และคณะประชาชนเพื่ออิสรภาพ (คปอ.)

สี่ล้อของเศรษฐกิจ

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ ได้รับเชิญให้เป็นวิทยากรนำเสนอตัวเลขต่างๆ พร้อมอธิบายต่อคำถามใหญ่ที่ว่า “ทำไมต้องมีโครงการรับจำนำข้าว” ว่า จากปี 2537 มาจนถึงปี 2542 ตัวเลขจีดีพีโตขึ้นไปเป็น 68% จนอาจกล่าวได้ว่าปัจจัยที่คอยพยุงเศรษฐกิจไทยหลังวิกฤตต้มยำกุ้งก็คือการส่งออก เวลาที่จะนึกถึงเศรษฐกิจไทยให้นึกถึงล้อ 4 ล้อที่จะทำหน้าที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้หมุนไปข้างหน้า โดยแต่ละล้อจะแทนการขับเคลื่อนได้ แบ่งออกเป็น 4 หัวข้อคือ การส่งออก การใช้จ่ายของภาครัฐ การลงทุนของภาคเอกชน และการใช้จ่ายภายในประเทศหรืออุปโภคบริโภค ซึ่งตัวเลขทางเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นในแต่ละปีจำเป็นต้องอาศัยการหมุนไปด้วยกันของล้อทั้งสี่ ในบางปีการส่งออกอาจไปได้ดี ขณะที่อีก 3 ล้อที่เหลือไม่ได้หมุนอย่างเต็มที่นัก หรือในบางครั้งการส่งออกกับการลงทุนไปได้ดี อีก 2 ล้อที่เหลือกลับหมุนไปได้อย่างอ่อนๆ ก็อาจทำให้เศรษฐกิจมีปัญหาได้

“สิ่งที่ผมกำลังจะชี้คือ ประเทศเราพึ่งพาการส่งออกมาตั้งแต่ปี 2540 หลังจากลอยตัวค่าเงิน มาจนถึงปี 2560 ฉะนั้นช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เราชินกับการที่เศรษฐกิจหมุนได้ดีโดยอาศัยการส่งออกเป็นตัวขับเคลื่อน ขณะที่อีก 3 ตัวพอไปได้ ที่น่าสนใจก็คือ ตอนที่ผมได้ทำหน้าที่ในรัฐบาล คำถามที่เรามีในตอนนั้นคือ การส่งออกขยับขึ้นไปเป็น 70% ของจีดีพีทั้งประเทศแล้ว แล้วเราจะยังเติบโตได้ด้วยการส่งออกจริงๆหรือ เพราะถ้าเมื่อไรต่างประเทศชะลอการซื้อเราก็จะมีปัญหา ขณะเดียวกันการที่เราพึ่งพาการส่งออก แปลว่าคนในโรงงานต้องผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูงเพื่อส่งออกนอกประเทศ คนงานได้จับต้องสินค้าแบรนด์อย่างดีเลย แต่สุดท้ายไม่มีปัญญาซื้อ ไม่มีปัญญาใส่ เพราะค่าแรงน้อย น้อยกว่าที่จะไปซื้อสินค้าที่ตัวเองผลิต แล้วก็มีความภูมิอกภูมิใจกันพอสมควรว่าค่าแรงเราถูก เราสามารถส่งออกสินค้าได้ดี เศรษฐกิจเติบโต”

ในขณะที่ตัวเลขจีดีพีเมื่อปี 2537 อยู่ที่ 3.7 ล้านล้านบาท ก่อนจะเพิ่มสูงขึ้นมาถึง 14 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน ในส่วนของวาทกรรมที่พูดกันว่าเสียหายไปแสนล้านนั้น ความจริงต้องทำความเข้าใจก่อนว่ารัฐบาลกำลังขับเคลื่อนประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่โตถึง 14 ล้านล้านบาท การจะเคลื่อนด้วยโครงการในระดับร้อยล้านแล้วเศรษฐกิจจะเคลื่อน มันไม่สามารถเกิดขึ้นได้

คำถามสำคัญคือ ประเทศจะพึ่งพาการส่งออกไปถึงไหน เพราะต้องไม่ลืมว่าเราจะต้องพึ่งคนที่เขาพร้อมจะซื้อด้วย

แล้วเราจะไม่พึ่งตัวเองเลยหรือ เพื่อให้คนของเรามีกำลังซื้อที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคนเมืองที่มีค่าแรงต่ำ ฝีมือน้อย ไปจนถึงคนที่จบการศึกษาระดับปริญญา

ประเทศไทยมีสัดส่วนความร่ำรวยกับความยากจนที่แตกต่างกัน โดยคนที่ร่ำรวยที่สุดมีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 26,673 บาทต่อเดือน ขณะที่คนจนที่สุดมีรายได้ 1,246 บาทต่อเดือน กระนั้นในเชิงสถิติก็ยังมีเส้นของความยากจน ระหว่างคนที่เกือบจนและคนที่ยากจนมีสัดส่วนไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ทว่าเมื่อนำตัวเลขทั้งหมดมาหารกับตัวเลขของคนที่ร่ำรวยแล้วจะพบความแตกต่างที่มากถึง 23 เท่า ก่อนจะเพิ่มเป็น 25 เท่าในช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เพราะฉะนั้นถ้าหากเราไม่สนใจเรื่องความเหลื่อมล้ำก็บริหารไปเถอะครับ จะรวยจะจน จีดีพีโตเสียอย่าง แต่ถ้าเราสนใจว่าการที่คนจำนวนมากมีรายได้น้อย หน้าที่ของรัฐบาลที่ดีก็จะต้องหาวิธีทำอย่างไรให้คนเหล่านี้มีรายได้ที่ดี ไม่ได้หมายความว่าให้ฟุ้งเฟ้ออะไรแบบนั้น แต่การมีรายได้ดีหมายถึงการมีคุณภาพชีวิตที่ดี

สิ่งที่ต้องการจะชี้ให้เห็นคือ การทำให้เศรษฐกิจโตอย่างเดียวโดยที่คนข้างล่างไม่ได้โตด้วย คนข้างล่างไม่มีรายได้ ไม่มีกำลังซื้อ เมื่อเขาไม่มีรายได้ เขาจะเอารายได้จากไหนเพื่อกลับมาเป็นผู้บริโภคต่อเนื่อง

การที่เราเลือกที่จะใช้งบประมาณเพื่อไปดูแลกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย ทั้งในกลุ่มที่เป็นคนเมืองและในกลุ่มภาคเกษตรกร เราก็สามารถทำได้ ความจริงผมสามารถพูดได้ ความพร้อมนี่เราจะซื้อเรือดำน้ำก็ซื้อได้ จะซื้อหลายๆลำก็ซื้อได้ สิ่งที่น่าสนใจคือควรจะซื้อแค่ไหน ขณะเดียวกันเราเห็นว่าการใช้งบประมาณเพื่อดูแลกลุ่มคนที่มีรายได้น้อยเป็นเรื่องสำคัญ

“ชาวนาและครอบครัวมีจำนวนรวมกันมากกว่า 15 ล้านครอบครัว คิดเป็นร้อยละ 23 ของจำนวนคนทั้งประเทศ ถ้าเราดูแลเขาให้มีรายได้ที่ดีขึ้นตามสมควรแก่ต้นทุนการผลิต สมควรแก่ค่าแรงของเขา ก็เป็นเรื่องที่ดี การดูแลด้วยระบบรับจำนำทำกันมา 30 กว่าปีแล้ว ก่อนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ใช้โครงการรับจำนำข้าวไป 1 ปี แล้วเปลี่ยนเป็นโครงการประกันรายได้เกษตรกร ซึ่งมีลักษณะพยายามประกันราคา โดยตั้งเป้าหมายราคาไว้ แล้วเขาก็บอกว่าถ้าคุณไปขายได้ต่ำกว่าราคานี้จะชดใช้ให้ ซึ่งกลไกนี้น่าสนใจตรงที่ว่าถ้าชาวนาไปขึ้นทะเบียนเกษตรกรได้สำเร็จ ท่านก็สามารถมาขอรับเงินชดเชยได้ จะปลูกจริงไม่ปลูกจริง จะมีข้าวหรือไม่มีข้าว ก็สามารถไปรับเงินชดเชยได้ ตรงนี้มีความน่าสนใจก็คือว่า มีรายงานของสำนักนายกรัฐมนตรีพบว่าจากภาพถ่ายดาวเทียมมีพื้นที่ที่เป็นนาน้อยกว่ายอดที่มาขึ้นทะเบียนรวมกันเป็นจำนวนมาก”

นายกิตติรัตน์กล่าวว่า การรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ใช่รัฐบาลแรกที่ตั้งราคาสูงกว่าตลาด คำว่า “สูงกว่าตลาด” ไม่ได้คิดเพียงต้นทุนในการปลูกข้าว แต่ยังคิดรวมไปถึงต้นทุนค่าแรง ซึ่งการคิดคำนวณต้นทุนในส่วนนี้ไม่ได้สูงไปกว่าค่าแรงขั้นต่ำโดยเฉลี่ยทั้งประเทศในเวลานั้นด้วยซ้ำ ดังนั้น โครงการรับจำนำข้าวจึงเกิดขึ้น

ชาวนายุค 4.0

รศ.ประภาส ปิ่นตบแต่ง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสังคม และอาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวในหัวข้อ “ปัญหาของชาวนาในปัจจุบัน และบทเรียนของนโยบายอุดหนุนชาวนา” ว่า ที่ผ่านมามีการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายรับจำนำข้าวค่อนข้างมากแล้ว สิ่งที่ต้องการนำเสนอในครั้งนี้คือ สถานการณ์ปัจจุบันและนโยบายของรัฐบาลชุดปัจจุบันได้ให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลชาวนามากน้อยเพียงไร

ปัจจุบันมีการผลิตข้าวในจำนวนทั้งหมดกว่า 33 ล้านตัน ต่อจำนวนพื้นที่ปลูกข้าวทั้งประเทศ 70 ล้านไร่ ซึ่งจำนวนข้าวที่ผลิตได้นี้ครึ่งหนึ่งถูกส่งออกไปขายยังต่างประเทศ หมายความว่าสิ่งที่เราเผชิญอยู่ในปัจจุบัน เราปลูกข้าวเพื่อกิน ได้แก่ ข้าวสี ข้าวอินทรีย์ ได้ 1.5 แสนไร่ ช่วงที่ผ่านมาเป็นแนวโน้มที่ดีที่ข้าวอินทรีย์ ข้าวสี เพิ่มขึ้นมาประมาณ 3.5 แสนไร่จาก 70 ล้านไร่ สิ่งนี้บ่งบอกได้ว่าการแสวงหาทางออกเพื่อกินข้าวที่เราผลิตได้ เราต้องกินวันละ 6 มื้อ

ประเด็นของผมก็คือ นโยบายการอุดหนุนชาวนาคืออะไร ในเมื่อเราต้องพึ่งการส่งออก รัฐต้องมีหน้าที่ในการดูแล เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่การปฏิวัติเขียวมาตั้งแต่แผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับที่ 1 เราปลูกข้าวเพื่อการส่งออกเป็นหลัก เวลาที่เรารุ่งเรือง รัฐบาลก็เก็บค่าต๋ง ค่าภาษี ไปให้คนในเมืองกินข้าวราคาสูง กดเอาไว้ เอาภาษีและความมั่งคั่งที่ชาวนาควรจะได้ไปทำอย่างอื่น นี่คือสิ่งที่ตอบคำถามได้ว่าทำไมรัฐบาลถึงต้องมีนโยบายดูแลชาวนา ชาวนาเคยได้รับการพูดว่าเป็นกระดูกสันหลังของชาติ ตอนนี้จะกลายเป็นอาชญากร ถ้าพูดอย่างหยาบๆคือ จะปลูกข้าวไปทำอะไร ขายก็ไม่ได้ ราคาก็ต่ำ ทำไมไม่ไปปลูกหมามุ่ย ซึ่งถ้ามองจากมุมของชาวนามันก็เจ็บช้ำน้ำใจ

รศ.ประภาสกล่าวว่า ราคารับจำนำข้าว ณ ปัจจุบัน เมื่อหักค่าความชื้นแล้วจะเหลือที่ราคา 5,500-6,000 บาทต่อตัน แม้จะเคยมีช่วงหนึ่งที่ขึ้นไปถึง 8,000 บาทต่อตัน เพราะข้าวใกล้หมดคลัง เมื่อเทียบกับช่วงสมัยที่มีการรับจำนำข้าวที่ราคา 15,000 บาทต่อตัน แล้วชาวนาจะอยู่กันได้อย่างไรต่อราคาที่แตกต่างกันเช่นนี้ ในเมื่อต้นทุนการผลิตไม่ได้ลดตาม เฉพาะแค่ต้นทุนเพียงอย่างเดียว ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 5,500 บาทต่อตันด้วยซ้ำ ชาวนาส่วนมากในภาคกลางจึงอยู่ในสภาวะที่เรียกว่าประคองตัวกันไป หมุนกันไปเพื่อให้อยู่รอดเท่านั้น

“ชาวนาในปัจจุบันนี้เขาก็พยายามปรับตัวไม่น้อย เขาไม่ได้เปลี่ยนไปปลูกหมามุ่ยอะไรหรอก เขาก็ปลูกผักบุ้ง ปลูกผักชีฝรั่ง อย่างแถวบ้านผมนาผักบุ้งขึ้นเต็มไปหมด ถ้ามีเงินมากหน่อยก็เปลี่ยนไปทำนากุ้ง”

รศ.ประภาสยืนยันว่า ไม่ใช่ชาวนาไม่ปรับตัว แต่ชาวนาปรับตัวบนฐานของตัวเอง ทีนี้เวลาเราพูดถึงทางออกของชาวนา ชีวิตที่พอให้อยู่ได้ตามความเป็นจริง เรื่องราคาข้าวรัฐต้องดูแล อันนี้เป็นเรื่องหนึ่ง แต่จะทำอย่างไรให้ชีวิตชาวนาพออยู่ได้มากกว่าการช่วยของรัฐ เขาก็ปรับมาปลูกผักบุ้ง ผักอะไรก็แล้วแต่ ทำอย่างไรที่จะทำให้เขาไม่อยู่ในโครงสร้างที่เอารัดเอาเปรียบ ตอนนี้ผักบุ้งเหลือกำละ 3-4 บาท ส่วนผักชีฝรั่งกิโลละ 15 บาท จากปีที่แล้ว 60 บาท

หากถามว่าทำไมชาวนาถึงยังทำนาทั้งที่ไม่เห็นอนาคต ถ้าหากยังไม่ปรับตัวไปปลูกพืชชนิดอื่นตามที่ลุงท่านหนึ่งแนะนำ คำตอบของผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสังคมกล่าวว่า พื้นที่แต่ละพื้นที่มีข้อจำกัดที่แตกต่างกัน พืชชนิดหนึ่งใช่ว่าจะปลูกแล้วเจริญงอกงามได้ในอีกพื้นที่หนึ่ง ดังนั้น จึงไม่ได้หมายความว่าชาวนาไม่ปรับตัว แต่ชาวนาปรับตัวตามบริบทของสภาพแวดล้อม ที่หากกล่าวอย่างถึงที่สุดแล้วชาวนาย่อมรู้ดีกว่าคนที่ทั้งชีวิตจับเป็นแต่ปืนอย่างแน่นอน พื้นที่และความผันผวนของราคาตลาดเป็นหนึ่งในหลายๆเงื่อนไขที่ทำให้สภาพความเป็นอยู่ของชาวนาไม่ได้ดีขึ้น หากสภาพโครงสร้างทางเศรษฐกิจ สังคมยังคงกดคนที่ยากจนให้ยากจนอยู่ต่อไปตามเดิม

“เราไม่ควรมองชีวิตชาวนาแค่การทำนาอย่างเดียวต่อไปอีกแล้ว เราต้องมองเข้าไปถึงเรื่องของแรงงานรับจ้าง เรื่องหลักประกันสังคม เพราะฉะนั้นเวลาเราพูดถึงทางออก ไม่ควรไปพูดถึงแค่เรื่องราคาข้าวอย่างเดียว เวลารัฐบาลนี้พูดว่าจะไม่ทำแบบประชานิยมก็พูดไปอย่างนั้นแหละ เพราะเมื่อเราดูในเชิงเนื้อหาก็ไม่ได้แตกต่างกัน ผมไม่ได้บอกว่าผิด แต่ถ้าจะผิดก็คือ พูดกันตรงๆ หนีไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องกลับมาทำแบบเดิม”

ประเด็นสำคัญของทางออกในนโยบายแก้ไขราคาข้าว รศ.ประภาสกล่าวว่า จำเป็นที่รัฐบาลแต่ละชุดจะต้องคำนึงถึงชีวิตชาวนาที่แปรเปลี่ยนและแตกต่างกัน ประเด็นต่อมา รัฐจำเป็นต้องให้การอุดหนุน เนื่องจากชาวนาไม่สามารถอยู่ได้ในโครงสร้างการผลิตข้าวแบบที่เป็นอยู่อีกต่อไป เพราะราคาข้าวแบบที่เป็นในปัจจุบันแทบไม่มีอนาคตกับราคา 5,500-6,000 บาทต่อตัน


You must be logged in to post a comment Login

Казино левлучший портал для азартных игроков
Игровые автоматызахватывающая игра начинается сейчас
azino777испытай удачу прямо здесь
1win казинооткрой для себя мир азартных игр
Вулкан платинумавтоматы с высокой отдачей ждут тебя
Казино левгде выигрыши становятся реальностью
Игровые автоматыразвлекайся и выигрывай каждый день
азино три топоранаслаждайся адреналином от побед
Казино 1winкаждая игра — шаг к успеху
Вулкан россиятвой шанс на большой выигрыш
Казино левоснова азартного мастерства
Игровые автоматытоповые игры для каждого
Azino777только для настоящих ценителей риска
1win казинокайф от игры начинается здесь
Вулкан 24где каждый день приносит победы
Казино левновые высоты азартных эмоций
Игровые автоматыгде выигрыши реальны
азино три топорасамые горячие игры ждут
Казино 1winвыигрывайте с комфортом
Казино вулкан россияисследуй мир азартных автоматов
Казино левтвой источник азарта и выигрышей
Игровые автоматыискусство выигрыша ждет тебя
azino777почувствуй азарт и драйв
1win казиноидеальный выбор для азартных игр
Вулкан платинумиграй и побеждай с удовольствием
Казино левнаслаждайся азартом без границ
Игровые автоматылучшие призы ждут тебя
азино три топоратвоя игра начинается здесь
Казино 1winновые уровни азарта и удачи
Вулкан россияначни путь к победе прямо сейчас
Coco chat - Rejoignez nouvelles discussions enrichissantes sur Bed and Bamboo
Chatrandom - Discover exciting chats with new people on Bed and Bamboo
Chatrandom - Entdecke spannenUnterhaltungauf Bed and Bamboo
Chatrandom - Ontdek boeienchats op Bed and Bamboo
Coco chat - Partagez des moments uniques sur Hoodrich France
Chatrandom - Connect and chat on Hoodrich France
Chatrandom - Chatte mit der Hoodrich France Community
Chatrandom - Geniet van chats in Hoodrich France gemeenschap
Coco chat - Connectez-vous pour des échanges passionnants sur I’m Famous 51
Chatrandom - Meet and chat on I’m Famous 51
Chatrandom - Führe spannenGespräche auf I’m Famous 51
Chatrandom - Beleef gesprekkop I’m Famous 51
Coco chat - Discutez avec la communauté Quincaillerie Outillage Thollot
Chatrandom - Explore vibrant conversations at Quincaillerie Outillage Thollot
Chatrandom - Tritt spannendChats bei Quincaillerie Outillage Thollot bei
Chatrandom - Ga mee in boeiengesprekkbij Quincaillerie Outillage Thollot
Coco chat - Rejoignez TurboSystem pour discuter
Chatrandom - Engage in exciting chats at TurboSystem
Chatrandom - Genieße spannenChats bei TurboSystem
Chatrandom - Beleef chatplezier bij TurboSystem