วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

รอ27กันยา!

On August 29, 2017

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

ยังมีควันหลง ดราม่า กรณีอดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ได้เดินทางไปรับฟังคำพิพากษาคดีรับจำนำข้าวที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาในหลายประเด็น

ขณะนี้ทุกคนทุกฝ่ายไม่ว่าจะใส่เสื้อสีอะไร ยืนข้างไหน แม้แต่สื่อทั้งในและต่างประเทศ ต่างคิดเห็นไปในทำนองเดียวกันว่ามีดีลระหว่างสองฝ่ายไม่ให้ไปฟังคำตัดสินเพราะไม่ต้องการให้เป็นเงื่อนไข เป็นน้ำผึ้งหยดเดียวลากสถานการณ์ไปสู่จุดที่ทุกคนไม่อยากให้เกิด

อย่างไรก็ตาม การไม่ปรากฏตัวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา ยังไม่ใช่ไคลแม็กซ์ของเรื่องนี้

ของจริงต้องรอดูวันที่ 27 กันยายน ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแห่งทางการเมืองนัดอ่านคำพิพากษาอีกครั้ง ซึ่งต้องลุ้นกันในสองประเด็น

ประเด็นแรก คือ เมื่อถึงวันนัดแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่เดินทางมาศาล ศาลจะอ่านคำพิพากษาลับหลังเลยหรือไม่ เพราะตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ศาลสามารถอ่านคำพิพากษาลับหลังได้ แต่ไม่ใช่บทบังคับ

ดังนั้นจึงเป็นไปได้ทั้งอ่านคำพิพากษาเลย หรือสั่งเลื่อนอ่านคำพิพากษาออกไปอีก

กรณีนี้เกิดขึ้นมาแล้วกับคดีหวยบนดินที่ศาลฎีกาฯอ่านคำพิพากษาเฉพาะในส่วนของจำเลยที่เดินทางมาศาล แต่ไม่อ่านคำพิพากษาในส่วนของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ให้ออกหมายจับตามตัวมาฟังคำพิพากษา ซึ่งรอมาหลายปีแล้วก็ยังไม่ได้อ่าน

ในส่วนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ขณะนี้ยังไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าอยู่ที่ไหน เข้าใจว่าจะเก็บตัวเงียบต่อไปจนถึงวันที่ 27 กันยายน เพื่อรอดูว่าศาลฎีกาฯจะอ่านคำพิพากษาลับหลังหรือไม่ ถ้าอ่านผลของคำพิพากษาเป็นอย่างไร

ทั้งอ่านและไม่อ่านรวมถึงรายละเอียดของคำพิพากษาจะเป็นสิ่งที่อดีตนายกฯใช้เป็นข้อมูลในการเลือกทางเดินของชีวิตต่อไป

ไม่ใช่แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่รอให้ถึงวันที่ 27 กันยายน ฝ่ายรัฐก็รอให้ถึงวันที่ 27กันยายนด้วยเช่นเดียวกัน

หากถึงวันนัด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มาฟังคำตัดสิน และไม่ว่าศาลฎีกาฯจะอ่านคำพิพากษาลับหลังหรือไม่ ถ้าผลออกเป็นลบต่ออดีตนายกฯ กระบวนการต่างๆที่จะดำเนินการกับอดีตนายกฯจะเริ่มเดินหน้าต่อได้ทันที

ทั้งในกรณียึดทรัพย์ ที่แม้มีคดีร้องค้านอยู่ในศาลปกครอง แต่เชื่อว่าหากผลตัดสินของศาลฎีกาฯเป็นไปในทางลบต่ออดีตนายกฯ การยึดทรัพย์ที่หยุดชะงักจะเริ่มเดินหน้าได้อีกครั้ง

นอกจากนี้ ยังมีกรณีการถอนพาสปอร์ตที่มีเสียงเรียกร้องจากฝ่ายตรงข้ามน.ส.ยิ่งลักษณ์ แม้ตามกฎหมายไม่มีสภาพบังคับว่าต้องถอนพาสปอร์ตของผู้ต้องหาหนีคดี แต่หากถูกกดดันหนักอาจต้องทำแบบเดียวกับ ดร.ทักษิณ เพื่อลดแรงกดดันจากฝ่ายเดียวกันเอง

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เฉพาะฝ่ายรัฐที่รอคอยผลในวันที่ 27 กันยายน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็รอผลในวันที่ 27 กันยายนอย่างใจจดจ่อด้วยเช่นเดียวกัน

กล่าวคือ หากศาลฎีกาฯตัดสินใจอ่านคำพิพากษาลับหลังแล้วผลออกมาเป็นลบแบบโทษหนักรุนแรง อดีตนายกฯสามารถใช้คำพิพากษานี้ไปดำเนินการเพื่อขอลี้ภัยในต่างแดนตามที่มีข่าวออกมาได้

ในทางกลับกัน หากอ่านแล้วถึงผลเป็นลบ แต่โทษไม่รุนแรงอาจกลับมาปรากฏตัวในไทยเพื่อต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ต่อไปก็เป็นได้

ทั้งหมดนี้เป็นไปได้หมด ซึ่งต้องรอความชัดเจนหลังวันที่ 27 กันยายนอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม หากศาลฎีกาฯสั่งเลื่อนอ่านคำพิพากษาออกไปอย่างไม่มีกำหนดจนกว่าจะนำตัวมาฟังคำพิพากษาได้ การเคลื่อนไหวของทั้งฝ่ายน.ส.ยิ่งลักษณ์ และฝ่ายรัฐอาจเป็นไปในอีกรูปแบบหนึ่ง


You must be logged in to post a comment Login