- เรื่องยังไม่จบPosted 1 day ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 2 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 3 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 6 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 7 days ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 1 week ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
- บทเรียนพระสายมูPosted 2 weeks ago
ดู‘คนดี’ตีกัน? / โดย Pegasus
คอลัมน์ : เพื่อชาติประชาชน
ผู้เขียน : Pegasus
เมื่อฝ่ายผู้มีอำนาจปราบศัตรูระดับใหญ่ทางการเมืองได้แล้ว ปรกติก็จะมีการกวาดล้างตัวเล็กตัวน้อยตามบัญชีรายชื่อไม่ว่าด้วยวิธีการใดก็ตาม ถือเป็นเรื่องปรกติของการใช้อำนาจทางการเมือง
แต่เมื่อหมดศัตรูคู่ต่อสู้แล้ว สิ่งที่จะตามมาคือ เริ่มการแย่งอำนาจกันเองระหว่างกลุ่มคนดีที่เกาะกันหลวมๆเพื่อโค่นล้มฝ่ายประชาธิปไตย เมื่อโค่นล้มอีกฝ่ายได้แล้วก็จะมีการแบ่งอำนาจและผลประโยชน์กันดังที่เห็น โดยมีการตั้งคณะกรรมการต่างๆ แต่ครั้งนี้ศัตรูจะมองไม่เห็นตัว
ดังนั้น การต่อสู้จะกลายเป็นพวกคนดีด้วยกันเองที่ต้องแบ่งค่าย แย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์กันเอง ซึ่งเป็นธรรมดาของโลกที่เป็นเช่นนี้
ทีนี้ลองมาดูว่าเหล่าคนดีที่มีได้มีเสียนั้นจะแย่งอำนาจกันอย่างไร และเป็นใครบ้าง?
ก่อนอื่นต้องแบ่งให้เห็นอย่างกว้างๆก่อน โดยพรรคการเมืองที่สมาชิกพรรคเคยบอกว่าจะไม่เล่นการเมืองอีกต่อไป แต่กลับเข้ามาในพรรคอีกและพยายามควบคุมเสียงภายใต้พรรคที่สนับสนุนตนเองไว้ เพื่อโดดเดี่ยวสมาชิกส่วนอื่นๆที่ไม่ได้อยู่ในเครือข่ายเดียวกันหรือภาคเดียวกัน
เช่นกรณีพรรคการเมืองที่มีเสียงส่วนใหญ่ในภาคใต้ โดยเสียงในส่วนกลางเป็นเพียงหุ่นเชิดนั้น ไม่ช้าก็เร็วต้องมีการแย่งชิงอำนาจกันเอง ซึ่งแนวโน้มเสียงภาคใต้ที่มีมากกว่าจะชนะและยึดอำนาจได้อย่างเบ็ดเสร็จ ทำให้เสียงจากส่วนกลางเงียบงันลง ซึ่งหมายถึงพรรคก็ต้องอ่อนแอลง ทำให้ทิศทางความเป็นพรรคการเมืองกลายเป็นพรรคการเมืองของกลุ่มการเมืองภูมิภาคนิยมไป
เมื่อพรรคการเมืองเดิมหมดความเข้มแข็ง ขณะที่พรรคการเมืองใหญ่ก็ถูกกวาดล้าง ก็จะเหลือแต่พรรคการเมืองขนาดเล็กหรือกลาง ซึ่งจะถูกกวาดต้อนให้อยู่กับพรรคการเมืองที่สนับสนุนโดยกลุ่มผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะเกี่ยวโยงกับทหารหรือกลุ่มทุนผูกขาด
ยิ่งเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองขนาดเล็กและกลางรวมกันเป็นพรรคขนาดใหญ่เหมือนในสมัยรัฐบาลยุคจอมพลถนอม กิตติขจร พรรคเก่าแก่ก็ต้องเล่นการเมืองเหมือนเล่นละครว่าเป็นพรรคที่ต่อสู้เพื่อสร้างประชาธิปไตยมาตลอด
ในส่วนของกองทัพเองก็จะมีการแบ่งฝ่ายตามกลุ่มอำนาจในปัจจุบันและผู้ที่ทำงานสำเร็จ ซึ่งควรจะมีการผ่องถ่ายอำนาจให้กับคนรุ่นใหม่ที่ขึ้นมาคุมกำลังบ้าง แต่จะเป็นไปตามที่ควรจะเป็นหรือไม่ไม่มีใครออกมาตอบได้ เพราะแต่ละคน แต่ละกลุ่มได้แต่ใช้เวลาส่วนใหญ่ระมัดระวังตัวเอง
ที่สำคัญช่วงที่บ้านเมืองอยู่ภายใต้การรัฐประหารมานาน จะทำให้เกิดปัญหาระหว่างนักการเมืองที่มาจากการแต่งตั้งกับข้าราชการประจำที่ต่างก็ทำงานเพื่อสร้างฐานอำนาจของตนเอง มีการสร้างกฎระเบียบใหม่ๆมากมายจนประชาชนเดือดร้อนไปแทบทุกหนแห่ง โดยเฉพาะการใช้กลไกราชการเพื่อรับใช้ทางการเมือง และมีการแย่งชิงตำแหน่งด้วยวิธีการต่างๆอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่ต้องระวังว่าใครจะมาตรวจสอบอีกต่อไป
กลุ่มอำนาจสุดท้ายคือกลุ่มธุรกิจผูกขาดที่อ้างว่าเป็นคนดีและสนับสนุนให้แช่แข็งประเทศ ก็ต้องกลับมาเลือกฝ่าย เลือกพวก
การแตกแยกเป็นก๊กเป็นฝ่ายจะเกิดขึ้นโดยทั่วไป มีการใช้ทั้งอำนาจและเงินทุนในการสนับสนุนฝ่ายที่ตนเองสนับสนุนเพื่อจะได้เข้าไปมีอำนาจ ซึ่งสุดท้ายอาจไม่มีฝ่ายใดได้ชัยชนะเลยก็ได้
สถานการณ์บ้านเมืองและการเมืองจึงจะดุเดือดขึ้น ประชาชนที่ถูกลดอำนาจ ไร้สิทธิไร้เสียง ก็จะได้เห็นการแย่งอำนาจและผลประโยชน์ที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งครั้งนี้คงไม่มีการกระมิดกระเมี้ยนอายใครอีกแล้ว เพราะต่างคนต่างก็รู้กันหมดไส้หมดพุง
You must be logged in to post a comment Login